อิหม่ามเกย์ในสหรัฐฯ เปิดใจหลังเหตุสังหารหมู่ไนท์คลับที่ออร์แลนโด

บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุสังหารหมู่ออร์แลนโด สหรัฐอเมริกา เมื่อ 12 มิ.ย. 2016 (ที่มา: everipedia.com)

อิหม่ามเกย์ในสหรัฐฯ เปิดใจหลังเหตุสังหารหมู่ไนท์คลับที่ออร์แลนโด

Posted: 16 Jun 2016 10:01 AM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

วารสารหัวก้าวหน้าอเมริกันมาเธอร์โจนส์ สัมภาษณ์อิหม่ามคนแรกผู้เปิดเผยว่าเป็นคนรักเพศเดียวกัน เขากล่าวถึงเหตุสังหารหมู่ที่ออร์แลนโด และย้ำว่าชุมชนผู้มีความหลากหลายทางเพศและชุมชนศาสนาต่างควรร่วมมือกันต่อสู้กับความกลัวอย่างไม่มีเหตุผล เขาเชื่อว่าคัมภีร์อัลกุรอานไม่ได้ห้ามเรื่องเพศสภาพที่แตกต่าง เว้นแต่มีคนเอาไปตีความเพื่อหาข้ออ้างทางการเมือง

นับตั้งแต่การสังหารหมู่ที่ไนท์คลับแห่งหนึ่งของเมืองออร์แลนโด กลุ่มชาวมุสลิมต่างก็ออกมาประณามมือปืนรายนี้ รวมถึงมีมุสลิมบางกลุ่มบริจาคเลือดให้กับเหยื่อผู้บาดเจ็บและอีกส่วนหนึ่งก็รวบรวมเงินมากกว่า 50,000 ดอลลาร์ให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตและมีกลุ่มมุสลิมที่ร่วมจุดเทียนไว้อาลัยเหตุการณ์พร้อมกับประณามทั้งความหวาดกลัวความหลากหลายทางเพศอย่างไม่มีเหตุผล และความหวาดกลัวอิสลามอย่างไม่มีเหตุผล นอกจากนี้ยังมีเควียร์ชาวมุสลิม ชัมรา ฮาบิบที่เขียนบทความว่าไม่ใช่อิสลามทุกคนจะเกลียดกลัวคนรักเพศเดียวกัน และอดีตบรรณาธิการกับโปรดิวเซอร์ของสื่อสถานีวิทยุสาธารณะของสหรัฐฯ บิลัล กุราชี วิจารณ์ว่ามุสลิมแม้แต่ในกลุ่มที่หัวก้าวหน้ายังออกมาปกป้องสิทธิผู้มีความหลากหลายทางเพศช้าเกินไป

หนึ่งในผู้ที่เปิดประเด็นแลกเปลี่ยนกันในเรื่องอิสลามและสิทธิเกย์คือ ดายยี อับดุลลาห์ อิหม่ามในสหรัฐฯ คนแรกที่เปิดเผยตัวเองว่าเป็นเกย์ เขาเป็นคนแรกในวอชิงตันดีซีที่ยอมจัดพิธีศพให้กับชาวมุสลิมที่เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นคนสำคัญในการผลักดันศาสนาอิสลามแบบก้าวหน้า เขาให้การต้อนรับผู้ศรัทธาที่เป็นคนมีความหลากหลาทางเพศและส่งเสริมให้มีการละหมาดร่วมกันกับทุกเพศ

อับดุลลาห์เติบโตมาจากการเป็นชาวคริสต์นิกายเซาธ์เทิร์นแบ็บติสต์ในรัฐดีทรอยต์ เขาเปลี่ยนมานับถืออิสลามหลังจากที่ได้ศึกษาร่วมกับชาวอุยกูร์ในประเทศจีน เขาเคยใช้ชีวิตอยู่ในอียิปต์ จอร์แดน และซีเรีย และได้ศึกษาคัมภีร์อัลกุรอานฉบับที่แปลในยุคแรกๆ ในภาษาต้นกำเนิด ซึ่งทางมาเธอร์โจนส์ได้สัมภาษณ์เขาไว้ในประเด็นเหตุการณ์สังหารที่เมืองออร์แลนโดดังนี้

เมื่อถามถึงปฏิกิริยาของเขาหลังรับทราบเรื่องเหตุกราดยิงที่เมืองออร์แลนโดอับดุลลาห์กล่าวว่าตอนที่เขาได้รับทราบเรื่องนี้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (12 มิ.ย.) เขาก็รู้สึกใจสลาย ในตอนนั้นเขาหวังว่าผู้ก่อเหตุจะไม่ใช่ชาวมุสลิมอีกเพราะไม่เช่นนั้นคงมีการกล่าวหากันไปทั่วว่าเป็น "การก่อการร้าย" แต่เขารู้สึกดีที่ชุมชนผู้มีความหลากหลายทางเพศไม่ได้กล่าวหาว่าชุมชนชาวมุสลิมเป็นพวกหวาดกลัวคนรักเพศเดียวกันจากเหตุการณ์นี้ ในขณะที่ความหวาดกลัวอิสลามอย่างไม่มีเหตุผลกำลังลุกลามไปทั่ว ผู้รณรงค์สิทธิ์คนรักเพศเดียวกันและสิทธิชาวมุสลิมต่างก็ร่วมมือทำงานในการขจัดความหวาดกลัวอย่างไม่มีเหตุผลเหล่านี้ ถึงแม้ว่ากรณีการกราดยิงจะทำให้คนเสียชีวิต 50 รายและบาดเจ็บอีกหลายรายแต่ในความเป็นจริงไม่มีอะไรมาหยุดยั้งความร่วมมือกันของทั้งสองชุมชนนี้และพวกเขาจะยังคงร่วมมือกันต่อไป

มาเธอร์โจนส์ถามว่ามีผู้นับถือศาสนาที่เป็นเกย์หรือคนข้ามเพศคนใดที่มาขอคำปรึกษาหลังทราบข่าวในเรื่องนี้หรือไม่ เพราะมาเธอร์โจนส์มองว่าพวกเขาอาจจะรู้สึกอ่อนแอซ้ำซ้อนจากสังคมที่มีทั้งความหวาดกลัวอิสลามอย่างไม่มีเหตุผลและความหวาดกลัวคนรักเพศเดียวกันอย่างไม่มีเหตุผล อับดุลลาห์กล่าวว่าในปัจจุบันดีกว่าในอดีตเมื่อ 15 ปี ที่แล้วที่มีคนคอยให้คำปรึกษาในเรื่องนี้น้อยมาก โชคดีว่าในปัจจุบันมีองค์กรและบุคคลที่ให้คำปรึกษาเรื่องนี้มากขึ้นแล้วก็มีคนเข้ามาขอคำปรึกษาเรื่องนี้อยู่จริง อับดุลลาห์มักจะให้คำปรึกษาว่า "อย่าให้ความกลัวครอบงำคุณจนไม่เผชิญกับปัญหาตรงหน้า อย่าให้ความกลัวขยายใหญ่เกินกว่าชีวิต"

มาเธอร์โจนส์ถามถึงกรณีที่มีอดีต ส.ส. พรรคเดโมแครตที่เป็นคนรักเพศเดียวกันชื่อบาร์นี แฟรงค์ บอกว่ามีอิสลามบางกลุ่มในตะวันออกกลางที่ตีความคำสอนไปในเชิงเกื้อหนุนให้สังหารผู้มีความหลากหลายทางเพศและเรียกร้องให้ชุมชนอิสลามทำอะไรบางอย่างกับเรื่องนี้ อับดุลลาห์กล่าวว่าในขณะที่มีกลุ่มคนอยู่เบื้องหลังการตีความคำสอนอย่างที่ว่าอยู่จริง แต่การสื่อออกมาในทำนองว่าคนบางกลุ่มมีความรุนแรงมากกว่าคนกลุ่มอื่นเป็นเสมือนการพยายามบอกว่า "พวกเราไม่ได้เลวร้ายเท่าพวกนั้น" แต่ก็มีกรณีที่คนขาวพกอาวุธระเบิดเข้าไปในงานพาเหรดผู้มีความหลากหลายทางเพศในลอสแองเจลลิส ทำไมถึงไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้บ้าง แต่เขาก็ไม่โทษ ส.ส. คนดังกล่าวเพราะคาดว่าแค่ยังขาดความรู้ในเรื่องนี้

กับคำถามที่ว่าเขาคิดอย่างไรที่มักจะมีคนบอกว่าอิสลามเป็นศาสนาที่รุนแรงและขาดความอดกลั้นเมื่อเทียบกับศาสนาอื่น อับดุลลาห์ผู้เคยเป็นชาวคริสต์มาก่อนบอกว่า เวลาที่มีคนพูดเช่นนี้เขาจะบอกให้เอาคัมภีร์ไบเบิลและอัลกุรอานมาเปิดเทียบกันแล้วดูว่าอย่างไหนรุนแรงกว่ากัน โดยที่จะเตือนพวกเขาด้วยว่าหนังสือเหล่านี้ถูกเขียนในบริบทของยุคสมัยนั้นๆ ในแง่ทีว่าคัมภีร์อัลกุรอานมีการบอกให้ใช้ความรุนแรงต่อคนรักเพศเดียวกันหรือไม่นั้น อับดุลลาห์บอกว่าไม่มีเลยแม้แต่น้อย

อับดุลลาห์อธิบายต่อไปว่ามีการระบุถึงคนที่มีวิถีทางเพศแตกต่างในวรรคหนึ่งที่ระบุว่า มีชายที่ไม่มีความปรารถนาทางเพศกับผู้หญิงอยู่จริง แต่กลับมีการตีความจากปราชญ์ศาสนาว่าชายผู้ไม่มีความปรารถนาจะเป็นคนรักเพศเดียวกัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไป และมีคัมภีร์อีกวรรคหนึ่งที่ระบุถึงผู้หญิงที่ไม่มีลูกซึ่งอาจจะหมายถึงทั้งผู้หญิงที่ไม่สามารถมีลูกได้หรือผู้หญิงที่ไม่ปรารถนาจะมีลูก อาจจะมีคนจัดหญิงรักหญิงไว้ในข่ายนี้ได้ แต่การตีความเช่นนี้มักจะเป็นการบีบให้เหลือแค่คู่ตรงข้ามทางเพศแค่สองเพศ ซึ่งเป็นเรื่องของวัฒนธรรมมากกว่าศาสนา วัฒนธรรมอาหรับมักจะขึ้นอยู่กับคู่ตรงข้ามทางเพศเช่นนี้

ในอดีตเคยมีอิหม่ามคนอื่นๆ ที่ไม่ยอมทักทายอับดุลลาห์และท้าทายการตีความอัลกุรอานในแบบของอับดุลลาห์ มาเธอร์โจนส์ถามว่าเรื่องนี้ยังคงเกิดขึ้นอยู่หรือไม่ อับดุลลาห์กล่าวว่าหลังเกิดเหตุที่เมืองออร์แลนโด เป็นครั้งแรกที่มีองค์กรมุสลิมขนาดใหญ่ติดต่อกับเขาเพื่อให้เขาร่วมแถลงการณ์ต่อสาธารณะด้วย เขาจึงมองเรื่องนี้ว่าความคิดของพวกเขาเริ่มเปลี่ยนไป โดยการทำตามที่คัมภีร์อัลกุรอานส่งเสริมคือการช่วยนำทางให้ผู้คนซึ่งเป็นสิ่งที่ส่วนใหญ่ละเลยที่จะทำ ในวันสุดท้ายองค์อัลเลาะห์จะถามพวกเขาว่า "ทำไมคุณถึงไม่ทำในสิ่งที่คุณรู้ว่ามันถูกต้องล่ะ" พวกเขาจะถูกท้าทายความเข้าใจเดิมๆ ที่ว่าการมองการรักเพศเดียวกันเป็นเรื่องผิดนั้นไม่ใช่วิธีการตีความแบบเดียวในอัลกุรอาน

มีผลการสำรวจของสถาบันวิจัยศาสนาเพื่อสาธารณะเมื่อปี 2558 ระบุว่าชาวมุสลิมมากกว่าร้อยละ 42 สนับสนุนการแต่งงานของคนรักเพศเดียวกันซึ่งมากกว่าศาสนาคริสต์นิกายอีแวนเจลิคแต่ก็ยังต่ำกว่าศาสนาหรือความเชื่ออื่นๆ ในโพลล์ มาเธอร์โจนสืตั้งข้อสงสัยว่าชุมชนมุสลิมมีการยอมรับเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศได้ช้ากว่าหรือไม่ อับดุลลาห์บอกว่าในเรื่องนี้มุมมองทางวัฒนธรรมมีอิทธิพลมากกว่าศาสนาในการออกกฎหมายเกี่ยวกับศาสนา ตัวเขาเองก็ทำงานร่วมกับชาวมุสลิมผู้มีเพศแตกต่างจากกระแสหลักในการสร้างความเข้าใจว่าการตีความอัลกุรอานมาจากอำนาจทางวัฒนธรรมซึ่งอาจจะเป็นการสอนในมัสยิดบางแห่ง อับดุลลาห์บอกว่าคนเราเป็นได้ทั้งมุสลิมและผู้มีความหลากหลายทางเพศซึ่งควรมีการเข้าใจอัตลักษณ์ของพวกเขาอย่างที่พวกเขาเป็น

มาเธอร์โจนกลับมาพูดถึงเรื่องที่บาร์นี แฟรงค์ ทีให้สัมภาษณ์เรียกร้องให้มีการสอดส่องตรวจตราผู้มีแนวคิดหัวรุนแรงมากขึ้น อับดุลลาห์ผู้ที่บอกว่าเป็นเพื่อนกับแฟรงค์กล่าวว่าตัวแฟรงค์เองก็เคยผ่านช่วงที่ถูกสอดส่องตรวจตรามาก่อน ทำไมเขาถึงกล้าอ้างออกมาเช่นนี้ เรื่องนี้อาจจะเป็นการเมืองของแฟรงค์ที่น่ารังเกียจในสายตาของอับดุลลาห์ เพราะการเอาคนกลุ่มน้อยสองกลุ่มมาสู้กันเองถือเป็นปัญหา

ก่อนหน้านี้ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ช่วงคริสตทศวรรษที่ 1970s ก็เคยมีทั้งกรณีที่ขบวนการคนรักเพศเดียวกันมีพลังมากขึ้นและมีความรุนแรงต่อคนเพศทางเลือกเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกรณีการเผาบารืคนรักเพศเดียวกันในนิวออร์ลีนและกรณีนักฆ่าต่อเนื่องที่มีเป้าหมายเป็นวัยรุ่นคนรักเพศเดียวกัน มาเธอร์โจนส์ถามว่าเรื่องเหล่านี้มีอิทธิพลต่ออับดุลลาห์หรือไม่จากที่เป้นยุคสมัยที่เขาอยู่ในช่วงวัยเปลี่ยนผ่าน อับดุลลาห์กล่าวว่าคนที่มีอิทธิพลกับเขาคือ ฮาร์วีย์ มิลค์ (นักการเมืองคนรักเพศเดียวกันที่มีบทบาทในการผลักดันเรื่องสิทธิคนรักเพศเดียวกันทำให้เขากลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้สำหรับกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน) ทำให้เขาทำงานกิจกรรมกับผู้มีความหลากหลายทางเพศ และทำให้เขามองเห็นว่าคนรักเพศเดียวกันก็สามารถเป็นนักการเมืองที่สร้างอิทธิพลต่อชีวิตคนรักเพศเดียวกันได้นอกจากการทำกิจกรรม

มาเธอร์โจนส์ถามส่งท้ายว่ามีท่อนไหนไหมในคัมภีร์อัลกุรอานที่อยากนำมาพูดถึงเหตุในออร์แลน อับดุลลาห์กล่าวว่าถึงแม้เขาจะไม่ได้เรียนอัลกุรอานมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็มีอยู่สองบทที่เขาอยากพูดถึง บทหนึ่งคือคือคุณไม่สามารถบังคบใครเรื่องศาสนาได้ คุณไม่สามารถบอกใใครให้เชื่ออย่างไรได้ ทุกคนล้วนมีความสัมพันธ์กับพระผู้สร้างในแบบของตนเอง และมันไม่ใช่กงการอะไรของใครที่จะไปบอกคนอื่นว่าพวกเขาควรใช้ชีวิตอย่างไร อีกบทหนึ่งคือการระบุว่าถ้าคุณสังหารผู้บริสุทธิ์มันก็เปรียบเสมือนกับว่าคุณได้สังหารคนทั้งโลก ในเหตุออร์แลนโดผู้ก่อเหตุสร้างความเสียหายต่อชีวิตครอบครัวผู้คนจำนวนมาก ไม่มีบทใดเลยในคัมภีร์อัลกุรอานที่สนับสนุนเรื่องนี้ เหตุออร์แลนโดจึงไม่ได้มาจากมุมมองแบบอิสลามในเชิงจริยธรรม แต่เป็นเรื่องของการเมือง เป็นเรื่องของอิสลามที่ถูกทำให้เป็นการเมือง

เรียบเรียงจาก

America's First Openly Gay Imam Reflects on Orlando Massacre, Mother Jones, 14-06-2016 http://www.motherjones.com/politics/2016/06/first-openly-gay-imam-orlando-massacre