อานนท์โต้ กกต. คลิปพลเมืองโต้กลับไม่ผิดกม. “แค่เต้นยังไม่ได้ ทำประชามติทำไม”
Posted: 09 Jun 2016 01:59 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
9 มิ.ย.2559 มติชนออนไลน์ รายงานว่า ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลื อกตั้ง(กกต.) สมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการกกต. กล่าวว่า จากกรณีมีการเผยแพร่คลิปเพลงที่ มีเนื้อหาหยาบคาย จูงใจให้คนไปใช้สิทธิออกเสียงรั บไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนั้น ได้มีการตรวจสอบเบื้องต้ นของคณะทำงานของกกต.แล้วพบว่า คลิปดังกล่าวมีการเผยแพร่ครั้ งแรกทางเว็บไซต์ยูทูปเมื่อวันที ่ 13 เม.ย.ก่อน พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสี ยงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 มีผลใช้บังคับในวันที่ 23 เม.ย. จึงถือว่าผู้จัดทำและเผยแพร่ครั ้งแรกไม่ผิดกฎหมาย แต่อาจจะผิดกฎหมายอื่นที่เกี่ ยวข้อง เช่น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กฎหมายอาญา กฎหมายความมั่นคง และประกาศคณะรักษาความสงบแห่ งชาติ(คสช.) นอกจากนี้แนะนำว่าผู้ที่จะนำคลิ ปดังกล่าวไปเผยแพร่ซ้ำในระหว่ างนี้ไม่สามารถทำได้เพราะจะสุ่ มเสี่ยงผิดกฎหมายประชามติมาตรา 61 วรรคสอง
นายสมชัย กล่าวต่อว่า ส่วนการตรวจสอบตัวบุคคลที่อยู่ ในคลิปพบว่ามีลักษณะคล้ายกับบุ คคลที่เป็นที่รู้จักในทางสังคม 1.อานนท์ นำภา ทนายความ 2.สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 3.ณัฐภัทร อัคฮาด 4.นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด 5.นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นักเรียน ส่วนตัวอยากแนะนำให้บุคคลเหล่ านี้และบุคคลอื่นที่อยู่ ในภายคลิปอีก 20 คน หากไม่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ ซ้ำคลิปดังกล่าวขอให้ไปแจ้งลงบั นทึกประจำวันที่สถานีตำรวจเพื่ อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่เกี่ ยวข้องหรือรู้เห็นกับเรื่องดั งกล่าว อย่างไรก็ตาม กกต.จะดำเนินการตรวจสอบต่อไป คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะชั ดเจนว่าเข้าข่ายเป็นความผิดที่ จะส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนิ นการต่อไปหรือไม่
นายสมชัย กล่าวด้วยว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นตัวอย่างว่ าการประชามติครั้งนี้จำเป็นที่ จะต้องมีมาตรา 61 วรรคสองของพ.ร.บ.ประชามติไว้ ในบังคับ เนื่องจากมีบุคคลออกมาเผยแพร่ข้ อความอันเป็นเท็จ ปลุกปั่น ซึ่งสังคมไทยไม่ปรารถนาให้ ความวุ่นวายเกิดขึ้น มาตราดังกล่าวจึงจำเป็นอย่างยิ่ งที่จะต้องคงไว้ในพระราชบัญญัติ นี้ แต่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่ างไรก็เป็นเรื่องที่ศาลจะพิ จารณา อย่างไรก็ตาม หากศาลรัฐธรรมนูวินิจฉัยว่ ามาตราดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญ ก็ยังมีมาตราอื่นในพ.ร.บ. ประชามติ เช่นการกล่าวเท็จ ก็มีมาตรา 61(3) ที่ห้ามหลอกลวง ใช้ควบคุมอยู่ หรือการพูดหยาบคาย ก็มี กฎหมายอาญาเกี่ยวกับการหมิ่ นประมาท ควบคุมดูแลอยู่ แต่ทั้งนี้จะไม่ครอบคลุมในเรื่ องที่สามารถเอาผิดว่าเป็นการก่ อความวุ่นวาย ได้เหมือนกับมาตรา 61 วรรคสอง พ.ร.บ.ประชามติ และกกต.ก็ต้องไปยกร่ างกฎหมายและแก้ไขระเบียบกกต.ให้ สอดคล้องต่อไป
ทั้งนี้ การกระทำความผิดมาตรา 61 วรรคสองนั้น กำหนดให้ต้องระวางโทษจำคุกไม่ เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท ทั้งนี้ ศาลอาจสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลื อกตั้งมีกำหนดไม่เกิน 5 ปีด้วยก็ได้
“ผู้ได้ดำเนินการเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียง ในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือในช่องทางอื่นใด ที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงหรือมีลั กษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิ ออกเสียงไม่ไปสิทธิออกเสียง หรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียง ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการก่ อความวุ่นวายเพื่อไม่ให้ การออกเสียงไม่เป็นไปด้ วยความเรียบร้อย"
ด้านอานนท์ นำภา ทนายความซึ่งถูกอ้างถึงว่ าปรากฏในคลิปให้สัมภาษณ์ว่า คลิปดังกล่าวจัดทำโดยกลุ่มพลเมื องโต้กลับ ถ่ายทำและเผยแพร่กันก่อนพ.ร.บ. ประชามติจะบังคับใช้ แต่ทางกลุ่มยืนยันว่าถึงแม้มีพ. ร.บ.ประชามติแล้ว ก็ยังเชื่อว่าการกระทำดังกล่ าวของกลุ่มไม่ได้ผิดต่ อกฎหมายแต่ประการใด
“เรายืนยันว่าเป็นการใช้เสรี ภาพในการแสดงออกตามรัฐธรรมนู ญและกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อแสดงความเห็นต่อร่างรั ฐธรรมนูญ แม้แต่มาตรา 7 ของพ.ร.บ.ประชามติเองก็รับรอง”
ทั้งนี้ มาตรา 7 ระบุว่า บุคคลย่อมมีเสรี ภาพในการแสดงความคิดเห็ นและเผยแพร่ความคิดเห็นเกี่ยวกั บการออกเสียงโดยสุจริตและไม่ขั ดต่อกฎหมาย
อานนท์กล่าวอีกว่า คลิปดังกล่าวเป็นการรณรงค์ โดยใช้ถ้อยคำในชีวิตประจำวัน ไม่มีคำรุนแรง ก้าวร้าว การที่กกต. ออกมาพูดเรื่องนี้มีเจตนามสกั ดกั้นการแสดงออกของประชาชนที่ จะพูดแง่ร้ายหรือข้อเสียของร่ างรัฐธรรมนูญ แต่หากเป็นข้อดีกลับพูดได้
“เรายืนยันว่าคลิปนี้ไม่ผิ ดกฎหมาย จะเผยแพร่ต่อไป มันเป็นแค่การเต้นใส่เพลง เป็นการแสดงออกโดยสงบสันติอย่ างถึงที่สุดของประชาชน ถ้าแค่เต้นไม่ได้ก็ไม่รู้ จะทำประชามติกันไปทำไม” อานนท์กล่าว
ขณะที่สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า สำหรับเขาเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่ องคอขาดบาดตายอะไร พ.ร.บ.ประชามติที่บังคับใช้ เอาผิดในลักษณะนี้ก็เป็ นกระบวนการที่มารั บรองการประชามติที่ไม่เสรี จึงเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้ องทำตามคำแนะนำของสมชัย ศรีสุทธิยากร ที่ให้ไปลงบันทึกประจำวั นแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่เกี่ ยวข้องกับการเผยแพร่ซ้ำ
“ถ้าจะมีประชามติก็ต้องรับเรื่ องเหล่านี้ให้ได้” สิรวิชญ์กล่าว
เมื่อถามว่าเขามีความกังวลใจหรื อไม่ว่าอาจถูกแจ้งข้อกล่าวหาอี กคดีหนึ่งจากคลิปนี้ เขาตอบว่า “ผมเองก็โดนคดีมาจนไม่กังวลแล้ว ถ้ามีคดีนี้อีกก็จะเป็นคดีที่ 5”
ด้านสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด กล่าวสั้นๆ ว่า จะไม่ไปลงบันทึกประจำวั นตามคำแนะนำ และไม่เห็นว่าคลิปรณรงค์ดังกล่ าวเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เพราะไม่ได้ก่อให้เกิดความวุ่ นวาย หรือไปปิดคูหา หรือขัดขวางประชามติ พร้อมย้ำว่า กกต.ควรมีบทบาทส่งเสริมให้ ประชาชนไปลงประชามติ และได้แสดงออกทางความคิดไม่ว่ าจะเป็นความคิดแบบไหน
"ผมอยากถามคุณสมชัยว่าที่ใช้เงิ นภาษีของประชาชนเดินทางไปดู งานเรื่องประชามติยังประเทศต่ างๆ นั้น มีประเทศไหนบ้างที่เขามีกฎแบบนี ้ มีประเทศที่ กกต.มาไล่ขู่ประชาชนแบบนี้บ้ างไหม" สมบัติกล่าว
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น