เหตุใด ฮิลลารี คลินตัน จึงหันหลังให้นามสกุล ร็อดแฮม?

บีบีซีไทย - BBC Thai

เหตุใด ฮิลลารี คลินตัน จึงหันหลังให้นามสกุล ร็อดแฮม?

ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์หลายฉบับในสหรัฐฯ มักเอ่ยถึงนางฮิลลารี คลินตัน ว่า ฮิลลารี ร็อดแฮม คลินตัน ซึ่ง “ร็อดแฮม” เป็นนามสกุลเดิมก่อนแต่งงาน ซึ่งเธอได้ใช้ในช่วงต้นของการแต่งงานด้วย แต่ล่าสุด ทีมหาเสียงของนางคลินตันได้แจ้งหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ว่า ต้องการให้เอ่ยถึงเธอว่า “ฮิลลารี คลินตัน” เท่านั้น วาเนสซา บาร์ฟอร์ด ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำกรุงวอชิงตัน ได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญหลายคนซึ่งแสดงทัศนะว่า การเลือกใช้แต่นามสกุลของสามีอาจส่งผลดีต่อคะแนนนิยมของเธอ ขณะที่บางคนเห็นว่า เรื่องนี้ไม่น่าส่งผลใด ๆ ต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวบีบีซี บอกว่า หลังจาก น.ส. ฮิลลารี ร็อดแฮม สมรสกับนายบิล คลินตัน เมื่อเดือน ต.ค. ปี 2518 เธอไม่ได้เปลี่ยนไปใช้นามสกุลสามีทันที และยังคงใช้นามสกุลเดิมต่อไปตอนที่นายคลินตันได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอเมื่อปี 2521 แต่การเลือกตั้งครั้งถัดมาเมื่อปี 2523 นั้น นายแฟรงค์ ไวท์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันของนายคลินตัน เสนอให้เรียกภรรยาของตนว่า “คุณนายแฟรงค์ ไวท์”

ไคล์ คอนดิค นักวิเคราะห์การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งแห่งมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย บอกว่า การไม่ยอมเปลี่ยนมาใช้นามสกุลสามีถือเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดข้อถกเถียงมากในช่วงนั้น เพราะไม่เพียงขณะนั้นจะเป็นยุคที่ผู้คนยังมีแนวคิดอนุรักษ์นิยมอยู่มาก แต่รัฐอาร์คันซอยังเป็นรัฐที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยมด้วยดังนั้นภาพลักษณ์ของนางคลินตันในสมัยนั้นจึงดูตะวันตกเกินไปสำหรับชาวอาร์คันซอส่วนใหญ่

หลังจากนายคลินตันแพ้การเลือกตั้งครั้งดังกล่าว ทำให้ในอีก 2 ปีถัดมานางคลินตันได้ตัดสินใจลาออกจากงานมาช่วยสามีหาเสียงเต็มเวลาในฐานะ “คุณนายบิล คลินตัน” และเมื่อนายคลินตัน สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในอีกไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น คุณนายบิล คลินตัน ได้เปลี่ยนมาเป็น นางฮิลลารี ร็อดแฮม คลินตัน ซึ่งเป็นชื่อที่เธอเป็นที่รู้จักในช่วงกว่า 3 ทศวรรษหลังจากนั้น และเป็นชื่อที่เธอใช้ในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกรัฐนิวยอร์ก เมื่อปี 2543

แต่สัญญาณแรกของการเปลี่ยนมาใช้ชื่อ “ฮิลลารี คลินตัน” ปรากฏในสื่อการรณรงค์หาเสียงและในบัตรลงคะแนนเลือกตั้งขั้นต้นในการเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2551 ช่วงนั้นสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ วิจารณ์ว่า นางคลินตันกำลังเผชิญวิกฤตอัตลักษณ์ เพราะเธอใช้ชื่อ ฮิลลารี คลินตัน ในการหาเสียงเป็นตัวแทนพรรคชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี แต่ยังคงใช้ชื่อ ฮิลลารี ร็อดแฮม คลินตัน ในการดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา และเป็นชื่อเดียวกับที่เธอใช้ในการรับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในปี 2552 ด้วย และมักใช้ชื่อย่อในการสื่อสารทางอีเมลว่า “เอชอาร์ซี”

ล่าสุด ในเว็บไซต์หาเสียงเลือกตั้งเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2559 เธอใช้ชื่อว่า ฮิลลารี คลินตัน และมักถูกกล่าวถึงเฉพาะชื่อฮิลลารี เท่านั้น แทบไม่มีนามสกุล ร็อดแฮม ปรากฏให้เห็นเลย ดร.อลิสัน ดักเนส อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยชิพเพนสเบิร์ก บอกว่า นางคลินตันให้ความสำคัญกับการวางตัวเพื่อให้ตนเองมีความน่าสนใจในสถานการณ์ทางการเมืองยุคต่าง ๆ มาก การเป็นบุคคลสาธารณะมากว่า 30 ปีทำให้เธอทราบดีว่าหากเราไม่ยอมกำหนดคำนิยามของตนเองก็จะมีคนอื่นมาทำหน้าที่ดังกล่าวแทน

ด้านไมเคิล บรอนสไตน์ นักยุทธศาสตร์ผู้ให้คำปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์ทางการเมืองมองว่า การที่นางคลินตันยอมหันหลังให้นามสกุลเดิมแล้วใช้นามสกุลสามีเพียงอย่างเดียวนั้นเป็นเรื่องฉลาด เพราะนายคลินตันถือเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ยังมีชีวิตอยู่และได้รับความนิยมมากที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งคุณสมบัตินี้เองถือเป็นสิ่งที่นางคลินตันสามารถนำไปใช้สร้างคะแนนนิยมให้ตนเองได้

แต่ โจแอน แบมเบอร์เกอร์ เจ้าของหนังสือเรื่อง Love her, Love her not: The Hillary Paradox แย้งว่า ผู้หญิงจำนวนมากใช้นามสกุลเดิมเป็นชื่อกลาง แต่ก็ไม่ได้ใช้ชื่อดังกล่าวในชีวิตประจำวัน และหากนางคลินตันจะไม่ได้ใช้นามสกุลร็อดแฮมในตอนนี้ก็น่าจะเป็นเพราะชื่อ ฮิลลารี คลินตัน เป็นชื่อที่ผู้คนพูดติดปากมากกว่าเท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องแปลกและไม่น่าจะส่งผลต่อการตัดสินใจของประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม ไคล์ คอนดิค บอกว่าไม่ว่านางคลินตันจะชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯหรือไม่ แต่เรื่องชื่อของเธอก็น่าจะยังเป็นประเด็นที่ผู้คนสงสัยกันต่อไป เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่สังคมตั้งข้อสงสัยมานานถึง 35 ปีและน่าจะยังเป็นเช่นนี้เรื่อยไป