มาเลเซียเสนอปรับโครงสร้างระบบรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดนไทย
สภาความมั่นคงแห่งชาติมาเลเซีย (NSC) เสนอแผนปรับปรุงโครงสร้างระบบรักษาความปลอดภัยและมาตรการตรวจสอบด้านต่าง ๆ ตามแนวชายแดนรัฐกลันตันของมาเลเซีย ซึ่งมีพรมแดนติดกับอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อหาทางป้องกันและปราบปรามการเคลื่อนไหวของขบวนการลักลอบค้าของเถื่อนต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งยาเสพติด อาวุธสงคราม สินค้าหนีภาษี และการค้ามนุษย์
ดาโต๊ะ สรี อาลิยาส อาหมัด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติของมาเลเซีย เปิดเผยกับสำนักข่าวเบอร์นามา ของมาเลเซีย ว่าปฏิบัติการเฝ้าระวังและรักษาความปลอดภัยตามแนวพรมแดนครั้งใหม่จะมีชื่อว่าปฏิบัติการบาตัส ซึ่งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายแห่งชาติจะประชุมหารือเพื่อพิจารณารายละเอียดอีกครั้งในเดือน พ.ค. ขณะที่กองทัพมาเลเซียซึ่งรับผิดชอบดูแลพื้นที่ตามแนวพรมแดนรัฐกลันตันตรวจพบเบาะแสค่ายซุกซ่อนของเถื่อนเพิ่มอีกประมาณ 120 แห่งตามรอยต่อชายแดนรัฐ กลันตันและอำเภอสุไหงโก-ลก คิดเป็นระยะทางกว่า 127 ก.ม.
เบอร์นามารายงานอีกว่า สำนักงานความปลอดภัยบนท้องถนนของมาเลเซียยังเสนอให้บังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดกวดขันขึ้นในการตรวจสอบและเอาผิดผู้ขับขี่ยานพาหนะที่นำรถส่วนบุคคลไปใช้ในการรับส่งนักท่องเที่ยวไปยังมาเลเซีย โดยระบุว่าทางเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบใบอนุญาตขับขี่และหนังสือเดินทางของผู้ขับรถต่างๆ อย่างจริงจัง และผู้ที่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ รวมถึงผู้ปฏิเสธการจ่ายค่าปรับ ควรจะถูกบันทึกหลักฐานเพื่อขึ้นบัญชีเป็นบุคคลต้องห้ามในการเดินทางเข้ามาเลเซียต่อไป
ทางการมาเลเซียระบุเพิ่มเติมว่าตลอดเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา มีการเรียกตักเตือนผู้ขับรถตู้ 17 รายที่นำรถตู้รับส่งนักท่องเที่ยวจากไทยไปยังมาเลเซียโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายที่ด่านรันเตาปันจัง โดยผู้ขับรถตู้ไม่มีใบอนุญาตขนส่งและไม่มีการทำประกันซึ่งครอบคลุมการเดินทางข้ามประเทศ
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลไทยพยายามประสานความร่วมมือกับรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาขบวนการผิดกฎหมายเหล่านี้อยู่แล้วอย่างต่อเนื่อง โดยหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรงคือกองทัพและกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซึ่งเชื่อว่าอีกไม่ช้าทั้งสองหน่วยงานจะให้คำตอบในเรื่องดังกล่าวได้
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น