ไม่เห็นหัวประชาชนหรือจนตรอก??? หรือทั้งสองอย่าง
เปิด 16 ข้อเสนอครม. ดัน”กรธ.”ปรับ”ร่างรธน.”
http://www.matichon.co.th/news/45142
http://www.matichon.co.th/news/45142
16.คณะรัฐมนตรีเป็นห่วงปัญหาดังก่อนเดือนพฤษภาคม 2557 จะย้อนกลับอีกภายหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ภายหลังการเลือกตั้ง และภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ จึงเห็นว่าหากบัญญัติเนื้อหาและการบังคับใช้รัฐธรรมนูญเป็นสองช่วงเวลา คือ ช่วงเฉพาะกิจหรือเฉพาะกาลในระยะแรกซึ่งอาจไม่ยาวนานนัก โดยมีข้อยกเว้นตามความจำเป็นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และช่วงที่จะใช้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญในระยะต่อไปซึ่งสอดคล้องกับหลักการสากลมากขึ้นและเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่ลดข้อจำกัดต่างๆ ลงให้มาก น่าจะแก้ปัญหา และอธิบายให้เป็นที่ยอมรับแก่ประชาชนและนานาชาติได้
..................................
..................................
ร่างรัฐธรรมนูญมีชัยว่าแย่ ล้าหลัง ข้อเสนอของพวกเดียวกันยิ่งหนักกว่า เช่น สนช.เสนอให้ประธานศาล รธน.หารือใช้กำลังทหาร เสนอให้ สว.มาจากสรรหา ครม.ก็เสนอให้ทำรัฐธรรมนูญ 2 ช่วง พูดง่ายๆ คือช่วงแรกใช้ในระยะ "เปลี่ยนผ่าน" ที่ต้องคุมอำนาจเข้ม ยืดอำนาจเผด็จการไปอีก 4-5 ปีเพียงให้มีเลือกตั้งลวงตา
ทัศนะของพวกเขา ไม่เห็นหัวประชาชนเลย ไม่สนใจว่าตัวเองกำลังอยู่ใน "ขาลง" หลายๆ ด้าน กล้าๆ คิดว่าต่อให้แพ้ประชามติก็ยังดันทุรังได้ ยังทำอะไรตามใจชอบได้
ชนชั้นนำจารีตนิยมมั่นใจว่าพวกเขาคุมกำลังทหาร ตำรวจ+ศาล ได้เบ็ดเสร็จเป็นเอกภาพ อันที่จริง ชนชั้นนำเองไม่เป็นเอกภาพนัก แต่ก็จำต้องเป็นเอกภาพบนพื้นฐานผลประโยชน์ร่วมกัน คือหวาดกลัวความเปลี่ยนแปลงในระยะ "เปลี่ยนผ่าน" จึงต้องร่วมมือกันกดหัวเสรีภาพประชาธิปไตย
ในแง่มวลชน พวกเขาอาศัยฐานพลังคนชั้นกลางเก่าอนุรักษ์ สลิ่มนกหวีด ที่พร้อมจะคลั่งตามทุกเรื่อง (ที่อยู่ตรงข้ามยิ่งลักษณ์ทักษิณ ขอแค่จัดการยิ่งลักษณ์ทักษิณ) ซึ่งอันที่จริง ก็มีไม่มากนัก แต่อาศัยความเกรี้ยวกราดสุดโต่ง รวมทั้งมีสื่อเป็นกระบอกเสียง คอยตะแบงบิดเบือนเหตุผล จึงดูเหมือนมีพลัง
พลังประชาธิปไตยเพียงแต่ "เสียเปรียบ" เพราะอุดมคติประชาธิปไตยไม่ใช่อุดมคติสุดโต่งรุนแรง แบบที่ผมเคยพูดเสมอว่ามันหมดยุค "ลุกฮือ" ยอมตายเพื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาธิปไตยเป็นอุดมคติในสังคมทุนนิยมที่เชื่อมั่นในการต่อสู้ขัดแย้งผลประโยชน์กันอย่างสงบสันติ คนรักประชาธิปไตยคือคนที่อยากทำมาหากิน อยากมีชีวิตปกติสุข อยากมีเงินใช้ บ้างก็สนุกสนานเฮฮา กินเหล้าสูบบุหรี่ไป ไม่ได้ต้องการอุดมการณ์สูงส่งเชี่ยไร ไม่ใช่พวกจับปืนเข้าป่าแบบในอดีต ขอแค่มีสิทธิเสรีมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อุดมคติประชาธิปไตยจึงต้องต่อสู้ด้วยเหตุผล ถ้าจะ "ทนไม่ไหว" ก็คือถูกย่ำยีสิทธิเสรีเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างร้ายแรง
พูดให้เป็นตลกร้ายคืออุดมคติประชาธิปไตยในโลกใบนี้พัฒนามาไกลมาก จนเมื่อเกิดเผด็จการสุดโต่ง ใช้อำนาจตามอำเภอใจ ไร้หลักการไร้เหตุผล ตราบใดที่ไม่ถึงกับยิงกราดคนก็ยังอยู่ได้ กลับกลายเป็นพลังประชาธิปไตยที่ต้องอดทน เพราะไม่สามารถใช้ความรุนแรงสุดโต่งสู้กับความรุนแรงสุดโต่งได้ มีแต่ต้องใช้เหตุผลสู้กันไปจนอำนาจที่ไร้เหตุผลวิบัติลงเรื่อยๆ เป็นเช่นนี้ทั่วโลกนะครับ เว้นแต่บางประเทศที่ไปเจอพวกสุดโต่งด้วยกันจึงตอบโต้ด้วยการก่อการร้ายวุ่นวายต่อเนื่อง
หนทางต่อสู้ของอุดมคติประชาธิปไตยจึงมีแต่ลากยาว ตรึงกันไปให้เห็นความไร้หลักไร้สติ ใช้อำนาจตามอำเภอใจ เหลิงอำนาจ ทัศนะบ๊องแบ๊วล้าหลัง เป็นตัวตลก ค่อยๆ ตกต่ำลงไป จนคนส่วนใหญ่ทนไม่ไหว จนเกิดฉันทามติในวันหนึ่ง ซึ่งถ้าอำนาจเผด็จการมาเร็วไปเร็ว ใช้อำนาจเอาใจสังคมบางเรื่องแล้วรีบไป โอกาสอย่างนี้ก็เกิดยาก
แต่สำหรับ คสช.รอบนี้พวกเขาดูเหมือนไม่มีทางเลือก ต้องฝืนลากอำนาจยาวไปเรื่อยๆ ด้านหนึ่งอาจเพราะเหลิง ไม่เห็นหัวคน เห็นแต่โพลล์หลอกตา แต่อีกด้านหนึ่งก็คือไม่มีทางเลือก ลงไม่ได้ ขนาดร่างรัฐธรรมนูญถอยหลังไปสุดๆ ก็ยังไม่พอ ยังจะยืดเวลายืดอำนาจยังต้องการครอบงำสังคมต่อ ประชามติก็จะปิดปาก จะพูดข้างเดียว จะปรับทัศนคติ ฯลฯ
ยิ่งลาก ยิ่งใช้อำนาจ แม้ดูเหมือนประชาชนจะสู้รบตบมือไม่ได้เลยภายใต้อำนาจปืนอำนาจศาล แม้เรายังมองไม่เห็นจุดเปลี่ยน แต่ถ้าจุดเปลี่ยนมาถึง ก็น่าจะคุ้มความอดทน
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น