ที่ดินปอเนาะญีฮาดวิทยากลายเป็นเผือกร้อน ล่าสุดกลุ่มผู้นำศาสนาอิสลามสี่จังหวัดภาคใต้แถลงยืนยันที่ดินยังเป็นของสาธารณะและจะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมหลายฝ่ายกำหนดการใช้ประโยชน์
หลังจากที่กอ.รมน.ได้แจกหมายแถลงข่าวเรื่องการที่ศาลแพ่งสั่งยึดที่ดินและทรัพย์สินโรงเรียนปอเนาะญีฮาดวิทยาไปก่อนหน้านี้ ในวันนี้ 26 ก.พ. กลุ่มผู้นำศาสนาที่ประกอบด้วยประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสี่จังหวัดคือนราธิวาส ยะลา ปัตตานีและสงขลา ตลอดจนผู้นำสถาบันศาสนา สถาบันโรงเรียนปอเนาะได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยมีนายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานกรรมการอิสลามปัตตานีอ่านแถลงการณ์ที่เตรียมไว้แล้วให้กับบรรดาผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่ที่เข้ารับฟังการแถลง
แถลงการณ์มีใจความสำคัญระบุว่า การสั่งยึดทรัพย์หนนี้ แม้เป็นเรื่องอ่อนไหวและส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน แต่เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายเนื่องจากเป็นคำตัดสินของศาลซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว และแม้ว่าที่ดินดังกล่าวจะเป็นของเอกชน แต่ทางราชการจะสานต่อเจตนารมย์ด้วยการให้ใช้ที่ดินนี้เพื่อเป็นที่ตั้งของสถานศึกษาต่อไป แถลงการณ์ระบุว่า บรรดาผู้นำศาสนาพิจารณาแล้วเห็นว่าที่ดินนี้ยังเป็นที่วากัฟ (สาธารณะ)เพื่อการศึกษาได้ และคณะผู้นำศาสนากับผู้เกี่ยวข้องจะหารือเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเรื่องการใช้ที่ดินผืนนี้เพื่อประโยชน์ของสาธารณะในด้านการศึกษาต่อไป
“มาดูที่ดินกันว่าใครจะอยู่ตรงนี้ ต้องเอาประเด็นศาสนามาชี้นำ” ประธานกรรมการอิสลามปัตตานีกล่าว “ต้องให้ทุกคนเข้าใจ สบายใจ ทางเราก็สบายใจ เราไม่อยากให้ปัญหานี้กลายเป็นปัญหาประเด็นยาวไป ต้องใช้ความสามารถของศาสนา ที่เราแถลง ฝ่ายความมั่นคงมอบให้คณะกรรมการของเราเต็มที่ คณะกรรมการของเราจะออกลักษณะไหน ความมั่นคงก็ยินดีจะสนับสนุนแล้วก็นำเสนอให้ความมั่นคงรับทราบรับรู้ เพื่อปฏิบัติ เรื่องความถูกต้องเราต้องแยก เรื่องศาลเราต้องเข้าใจ ต้องเคารพศาล ศาลเองก็ต้องประกอบด้วยหลักฐานต่าง ๆ ในกระบวนการยุติธรรมของเขาก็จบไป”
ส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ระบุว่า ที่ผู้นำองค์กรศาสนาต้องออกมาแถลงทำความเข้าใจหนนี้ก็เพราะกรณีที่ดินนี้กำลังถูกใช้ให้เป็นเครื่องมือ “มีกลุ่มองค์กรเครือข่ายต่างๆในพื้นที่ ได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งได้จัดเวทีแสดงความคิดเห็นในประเด็นการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม และถูกขยายผลเพื่อไปกระตุ้นความรู้สึกร่วมว่า รัฐได้ใช้อิทธิพลเข้าคุกคามโรงเรียนปอเนาะ” พร้อมระบุว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการชี้นำบิดเบือนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม
หลังจากแถลงข่าวเสร็จบรรดาผู้นำศาสนาต่างออกจากที่แถลงข่าวโดยสื่อไม่มีโอกาสได้สัมภาษณ์เพิ่มเติมใดๆ
ที่ดินขนาด 14 ไร่ของโรงเรียนปอเนาะญีฮาดวิทยาถูกศาลแพ่งตัดสินยึดเป็นของแผ่นดินเมื่อเดือนธันวาคม 2558 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินหรือปปง.นำเสนอเรื่องให้อัยการฟ้องร้อง โดยในคดีระบุว่า มีการใช้ที่ดินดังกล่าวไปในการฝึกฝนของกลุ่มผู้เห็นต่าง ทั้งนี้ตามหลักฐานจากการซัดทอดในคดีอาญาซึ่งผู้บริหารโรงเรียนและเป็นหัวหน้าครอบครัวแวมะนออยู่ในกลุ่มที่ถูกฟ้องร้องด้วย แม้ว่าครอบครัวจะยืนยันว่า ผู้ที่ติดคดีไม่ได้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินแต่ก็ไม่มีผลต่อการตัดสินของศาล ครอบครัวแวมะนอให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า ที่ดินผืนนี้มีเจ้าของห้าราย ขณะที่โรงเรียนและทรัพย์สินของโรงเรียนถือเป็นของส่วนรวมหรือ “วากัฟ” เพราะชาวบ้านร่วมกันสร้างจึงเป็นของสาธารณะ
เรื่องของการยึดที่ดินของโรงเรียนปอเนาะญีฮาดวิทยากลายเป็นประเด็นที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยหลังจากที่ครอบครัวแวมะนอที่เป็นผู้บริหารโรงเรียนตัดสินใจโดยผ่านการหารือกับชาวบ้านรอบข้าง ย้ายออกไปอยู่ยังมัสยิดใกล้เคียง หลังจากนั้นได้มีผู้ไปเยี่ยมเยียนครอบครัวแทบทุกวันอย่างไม่ขาดสายเพื่อให้กำลังใจและช่วยเหลือ อีกด้าน สื่อหลายสำนักรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ได้เสนอทางออกให้ครอบครัวยังอยู่ในที่ดินเดิมต่อไป แต่ครอบครัวแวมะนอให้เหตุผลว่าการอยู่ในที่ดินดังกล่าวต่อไปถือว่าผิดกฎหมาย ในขณะเดียวกันยังได้ตัดสินใจที่จะไม่อุทธรณ์คดีเพราะเบื่อหน่ายกับปัญหาที่คาราคาซัง อย่างไรก็ตาม ผลของการที่มีผู้คนไปเยี่ยมเยียนช่วยเหลือและระดมทุนช่วยเหลือ ยิ่งส่งให้สถานะของปัญหาที่ดินโรงเรียนญีฮาดวิทยากลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งล่าสุดมีการจัดแถลงข่าวในวันนี้ดังกล่าว
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น