ชุมนุมผิดกฎหมาย?: เครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนชี้ตำรวจต้องทบทวนการตีความใหม่เรื่องห้ามชุมนุมคัดค้านคำสั่งคสช. ชี้การชุมนุมไม่มีเนื้อหาทางการเมือง ขณะที่ตำรวจตีความมาตรา 44 จนละเมิดสิทธิการชุมนุม
เมื่อวานนี้ 24 ก.พ.เครือข่ายได้จัดแถลงข่าวเรื่องการชุมนุม หลังจากที่ได้มีสมาชิกกลุ่มจำนวนประมาณ 50 คนทำกิจกรรม ที่หน้าอาคารสหประชาชาติเพื่อประท้วงคำสั่งคสช. 3 และ 4/2559 เรื่องการยกเว้นผังเมืองในกิจการบางประเภทและในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เพราะเห็นว่าคำสั่งทั้งสองฉบับของคสช.มีผลยกเลิกกฎหมายผังเมืองเดิมที่กำหนดเขตของการพัฒนา ส่งผลต่อการปกป้องทรัพยากรและสิทธิชุมชน เครือข่ายต้องการให้มีการนำกฎหมายเดิมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กลับมาใช้ แต่พวกเขาก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าห้ามปรามและกดดันให้ออกจากพื้นที่
เครือข่ายได้ทำหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.นางเลิ้งขออนุญาตชุมนุมในวันที่ 25 ก.พ.ที่เกาะกลาง หน้าสำนักงานสหประชาชาติอีก แต่สน.นางเลิ้งมีหนังสือตอบเมื่อ 24 ก.พ.ว่าไม่อนุญาต โดยถือว่าคำสั่งของคสช.ทั้งสองฉบับเป็นกฎหมาย ทั้งนี้เป็นไปตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ดังนั้นการคัดค้านคำสั่งคสช.ดังกล่าวถือว่าเป็นการคัดค้านกฎหมาย และถือด้วยว่าเป็นการชุมนุมเพื่อเรียกร้องทางการเมืองซึ่งยังเท่ากับขัดประกาศคสช.ฉบับที่ 7/2558 ห้ามชุมนุมทางการเมืองอีกข้อหนึ่งด้วย
เครือข่ายระบุว่าการชุมนุมของเครือข่ายมิได้มีเนื้อหาทางการเมืองตามคำสั่งที่ 7/2558 ดังกล่าว การตีความการชุมนุมทุกเรื่องให้มีเนื้อหาทางการเมืองเป็นการตีความการใช้กฎหมายเพื่อจำกัดเสรีภาพของประชาชน และการตีความให้คำสั่งคสช.เป็นกฎหมายตามมาตรา 44 ก็เป็นการตีความที่ละเมิดสิทธิการชุมนุมเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และว่าไม่ควรใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการละเมิดสิทธิชุมชนในการพัฒนาและรักษาสิ่งแวดล้อม ขณะนี้แกนนำของเครือข่ายเตรียมเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอให้วินิจฉัยใหม่
เครือข่ายระบุว่า จดหมายของสน.นางเลิ้งแนะนำให้กลุ่มผู้คัดค้านยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการหรือก.พ.ร.เพราะเป็นช่องทางที่รัฐบาลกำหนดไว้ให้รับเรื่องร้องทุกข์ หากชุมนุมในวันที่ 25 ก.พ.จะถือว่าเป็นการชุมนุมโดยมิชอบ
แกนนำของเครือข่ายระบุด้วยว่า ตามพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นเพียงผู้รับแจ้งเรื่องการชุมนุมพร้อมทั้งอำนวยความสะดวก ไม่มีหน้าที่อนุญาตให้มีการชุมนุมแต่อย่างใด
ภาพประกอบจากการแถลงข่าวคืนวันที่ 24 ก.พ.ของเครือข่าย
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น