✿ ศ.ศิวรักษ์ (หน้ากาก) ปราชญ์แห่งสยาม
เป็นความโชคดีของผมอย่างหนึ่งที่เคยได้มีโอกาสเจอและพูดคุยกับคุณสุลักษณ์เกือบจะสามสิบปีมาแล้วเห็นจะได้ ที่วัดโคนอน จังหวัดนนทบุรี ตอนนั้นผมเป็นสามเณรได้รับนิมนต์จากท่านรองเจ้าอาวาสให้ไปบรรยายเรื่องบทบาทของสามเณรกับสันติวิธี
จริงๆ แล้วไปเป็นแค่ตัวประกอบ “คั่นเวลา” บนเวทีระหว่างรอ "คุณ ศ.ศิวลักษณ์" ขึ้นเวที แต่ก็ดีใจและตื่นเต้นนะ....แม้ช่วงนั้น "ศ.ศิวลักษณ์" ยังไม่ถึงจุดพีคเพราะ “รัศมี” ของ "คุณชายคึกฤทธิ์ ปราโมช" บดบังแทบทุกกระเบียดนิ้วอยู่ ลงเวทีมา คุณ ศ. ชมผมว่า “เณรน้อยตัวนี้หัวแหลมดีนะ” (ชมหรือด่าก็ไม่รู้ล่ะ? แต่ผมทึกทักเอาก็แล้วกันว่าชม อิ อิ อิ)
เวลาที่ คุณ ศ. ไปบรรยายหรือเขียนหนังสือ/วารสารเกี่ยวกับพุทธศาสนา พระสงฆ์ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในสายตาของ คุณ ศ. ที่มักจะเอ่ยชื่อเสมอๆ คือ พระภัทรมุนี (อดีตเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ) คุณ ศ. มีพระที่นับถือไม่กี่องค์ในเมืองไทย
นอกจากพระภัทรมุนีแล้วก็เห็นจะเป็นท่านพระพรมคุณาภรณ์ หรือท่านเจ้าคุณประยุทธ์ ปยุตฺโต (อดีตสามเณรเปรียญธรรมเก้าประโยค) ที่สุดแห่งที่สุดแล้ว คุณ ศ. แกนิยม “ของนอก” มากกว่าคือ ท่านศรัทธาพุทธศาสนาลัทธิวัชรยาน มากกว่าเถรวาทของไทย องค์พระดาไล ลามะคือ ศรัทธาของ คุณ ศ.
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า เวลา คุณ ศ. แกวิจารณ์พระสงฆ์ในเมืองไทยนี่ แกวิจารณ์แบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรมใดๆ ทั้งสิ้น (ถูกหรือผิดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เหมือนที่เคยด่า "นายปรีดี พนมยงค์" อย่างรุนแรงมาเป็นปีๆ แต่พอได้อ่านและได้ศึกษาอะไรต่อมิอะไรมากขึ้น แกก็กลับใจมาขอโทษขอโพยทีหลัง)
จุดดึงดูดและน่าเชื่อถืออย่างหนึ่งของ "คุณ ศ." เวลาวิจารณ์/บรรยาย/เขียน เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา แกจะใช้ศัพท์พระยกอ้างคำบาลีที่ชาวบ้านอย่างเราๆ ท่านๆ แทบจะไม่คุ้นหู
โดยทั่วๆ ไปเวลาใครยกอ้างคำ/ภาษิต/พุทธวจนะ ที่มีมาในพระไตรปิกฏและคงศัพท์เดิมไว้นั้น มักจะสร้างความประทับใจแก่คนฟัง (ทั้งๆ ที่อาจจะไม่เข้าใจศัพท์ถ่องแท้ บางครั้งคนพูดเองก็ไม่เข้าใจถ่องแท้เช่นกัน แต่ยกขึ้นมาอ้างให้มันขลังและน่าเชื่อถือไปอย่างนั้นแหละ) นี่คืออัตตลักษณ์ในการวิจารณ์ในเชิงพุทธศาสนาของ คุณ ศ. แก ที่สร้างความประทับใจให้แก่คนฟังและอ่าน และเป็นฐานของ "ปราชญ์แห่งสยาม" ของแก
ไม่กี่วันมานี้...แกวิจารณ์เหตุการณ์กรณี “สังฆราช” ซะสนุกปาก ประหนึ่งว่าในสามโลกอันกว้างไกลนี้ "ศ.ศิวลักษณ์" คือหนึ่งเดียว (เสียดายที่คุณชายคึกฤทธิ์ไม่อยู่??) ด่าว่าสมเด็จช่วงไม่มี “วิหารธรรม” ไม่มีอุเบกขา (ปู้โธ่!! ท่านปริปากเงียบไม่เออไม่ออซะขนาดนี้ยังโดนด่าอีกว่าไม่มีอุเบกขา ถ้าขืนท่านออกมาพูดก็คงจะโดนด่าอีกแหละว่า ไม่สำรวมให้สมกับเป็นพระผู้ใหญ่ จริงไหมครับ คุณ ศ.?)
ถ้าไล่อายุกันจริงๆ แล้ว ผมเป็นหลาน คุณ ศ. เลยละนะ......แต่แหม เห็นคนแก่ออกมาด่าพระด่าเจ้ากราดไปหมดอย่างนี้......อยากบอกว่าเรื่องด่าเรื่องวิจารณ์อะไรที่ “ปลายเหตุ” อย่างนี้ใครก็ทำได้นะครับ คุณ ศ. (แม่ค้าแถวปากคลองตลาดเจ๋งกว่าด้วยอ่ะ) ....
คือเห็นคุณทำอย่างนี้แล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ ว่าศักดิ์ศรีของคุณจะพอมีบ้างไหมครับ....และถ้าเป็น “ปราชญ์” ตัวจริงเขาไม่ด่าไม่วิจารณ์อะไรที่ปลายเหตุอย่างนี้หรอกครับ มันเหมือนคุณกำลังไปยืนด่านักวิ่งที่ปลายเส้นชัยอะไรทำนองนี้แหละครับ too late! ไหมล่ะนั่น??
ส่วนที่ คุณ ศ. บอกว่า "สมเด็จช่วง" ไม่มีเมตตาธรรมที่ไปปลดพระพรมสุธี (ที่พึ่งจะผูกคอตายในกุฏิไม่นานนี้) ออกจากเจ้าอาวาสวัดสระเกศ และปลดออกจากกรรมการเถรสมาคม นี่ไงครับ!
อย่างนี้แหละที่เรียก คุณ ศ. กำลังมายืนด่าเอาที่ปลายเหตุ ผมไม่อยากจะวิจารณ์ตรงนี้มากนัก เพราะไหนๆ ท่านเจ้าคุณพรมสุธีก็มรณภาพไปแล้ว (ปล. ผมมีพระเณรที่เป็นเพื่อนเคยบวชเรียนมาด้วยกันจากวัดสระเกศหลายรูป ซึ่งผมพอจะรู้อยู่บ้างว่า ที่สมเด็จช่วงปลดพระพรมสุธีจากเจ้าอาวาสวัดสระเกศนั้นด้วยเหตุผลอะไร)..แต่บอกได้เลยว่า คุณ ศ. ด่า "สมเด็จช่วง" ที่ปลายเหตุ
คุณด่าพระสงฆ์ว่า มัวเมาลาภยศและตำแหน่ง.....อ้าว! ไม่นานมานี้ก็เห็นร้องโย้วๆ สนับสนุนให้เจ้าคุณประยุทธ์ได้ตำแหน่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ไม่ใช่หรือครับคุณ ศ.? ทำไมพูดสับปรับอย่างนั้นล่ะทีนี้
คุณ ศ. บอกให้ยุบมหาเถรสมาคม แถมอวดภูมิโชว์ว่า มหาเถรสมาคมเป็นองค์กรเผด็จการที่ตั้งขึ้นมาโดยโดยเผด็จการปี 2505.....ด่าพระจนมึนไปแล้วละครับ ศ. ...
มหาเถรสมาตั้งขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลที่ ๕ ตามพระราชาบัญญัติสงฆ์ รศ. ๑๒๑ ครับ ไม่ใช่พึ่งจะมาตั้งปี ๒๕๐๕
ผมพึ่งจะรู้จากปาก คุณ ศ. ว่า นายพลอูนุแห่งพม่าอยู่ในตำแหน่งไม่ได้เพราะรำคาญการเรียกร้องนู่นเรียกร้องนี่ของพระพม่า เลยยกตำแหน่งให้นายเนวิน...สุดยอดจริงๆ ปราชญ์สยาม (เสียดายที่ "คุณชายคึกฤทธิ์" ไม่อยู่)
ผมว่า คุณ ศ. ศิวรักษ์ ควรพักผ่อนแบบยาวๆ ไปเลยดีกว่านะครับ เพราะเห็นคุณ “เก๊ก” เป็นปราชญ์สยามมานานแล้ว วาง “หน้ากาก” ลงแล้วกลับไปเป็นตัวของตัวเองสบายใจกว่า ไม้ใกล้ฝั่งแล้ว หาสัจธรรมที่แท้จริงดีกว่า
เรื่องด่า "มหาเถรสมาคม" และ "สังฆราช" นั้น....คุณ ศ. จะมาด่าที่ "ปลายเหตุ" ทำไมก็ไม่รู้
พระท่านอยู่ดีๆ ของท่านมาแต่ไหนแต่ไร เหล่าฆราวาสตัวดีนั่นแหละ เอานั่นเอานี่มาถวาย อุปโลกน์นั่น อุปโลกน์นี่มาให้ท่านเป็น....คุณ ศ. ทำตัวไม่แฟร์เลยครับที่มายืนด่าที่ปลายเหตุ คุณ ศ. ก็เก่งเรื่องประวัติศาสตร์อยู่แล้วนี่ครับ ด่าคนที่อุปโลกน์ตำแหน่งนี้มาให้พระด้วยสิครับ ถึงจะสมศักดิ์ศรีปราชญ์แห่งสยามหน่อย
"วัชรานนท์"
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น