0

เสนอให้เลิกใช้รอยกัดเป็นหลักฐานในการพิจารณาคดี
คณะกรรมาธิการนิติวิทยาศาสตร์แห่งรัฐเท็กซัส ได้เสนอให้เลิกใช้รอยกัดเป็นหลักฐานในการพิจารณาคดีในศาล หลังจากญาติของเหยื่อคดีฆาตกรรมรายหนึ่ง กล่าวแสดงความกังขาต่อคณะกรรมาธิการ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากคดีที่เดวิด เวย์น สเปนซ์ ถูกรัฐเทกซัสดำเนินคดีในข้อหาแทงวัยรุ่นสามคนเสียชีวิตในเมืองวาโคของรัฐเท็กซัสเมื่อปี 1997 โดยหลักฐานสำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งคือคำให้การของผู้เชี่ยวชาญด้านรอยกัดที่กล่าวว่าลักษณะฟันของจำเลยตรงกับรอยกัดบนตัวเหยื่อ หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ญาติของเหยื่อคนหนึ่งได้กล่าวต่อคณะกรรมาธิการนิติวิทยาศาสตร์แห่งเท็กซัสว่า ตนและสมาชิกบางคนในครอบครัวไม่อาจเชื่อหรือเข้าใจหลักฐานจากรอยกัดได้ ทั้งไม่เชื่อว่าได้ตัวคนผิดมาดำเนินคดีจริง
ปีเตอร์ บุช ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมนิติเวชจากมหาวิทยาลัยบัฟฟาโล กล่าวว่า ฟันมนุษย์มิได้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลเหมือนรอยนิ้วมือ และจากการศึกษาของเขาพบว่า ไม่เพียงแต่ผิวหนังมนุษย์จะบิดเบือนรอยกัดอย่างยากจะอธิบายได้แล้ว ชุดฟันของมนุษย์คนหนึ่งยังคล้ายคลึงกับของมนุษย์อีกคนมากกว่าที่คาดคิดด้วย
ล่าสุด คณะกรรมาธิการนิติวิทยาศาสตร์แห่งรัฐเท็กซัส ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์เสนอให้ระงับการใช้รอยกัดเป็นหลักฐานในการพิจารณาคดีอาญาในศาล แม้คณะกรรมาธิการฯดังกล่าวไม่มีอำนาจในการสั่งห้ามการใช้รอยกัดเป็นหลักฐาน แต่ก็เป็นคณะบุคคลที่ได้รับความเชื่อถืออย่างสูง ซึ่งมาจากการแต่งตั้งของผู้ว่าการรัฐ จึงคาดกันว่าบรรดาผู้พิพากษาในรัฐจะทำตามคำแนะนำ และอาจส่งผลไปไกลเกินขอบเขตรัฐเท็กซัสด้วย

คดีที่จำเลยถูกตัดสินว่าทำผิดจริงโดยใช้รอยกัดเป็นหลักฐาน มีมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1950 และหลักฐานชนิดนี้เริ่มเป็นที่ยอมรับของศาลทั่วสหรัฐฯ ในทศวรรษ 1970 แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการใช้เทคนิคนี้ว่า เสี่ยงต่อการจับคนผิดและตัดสินคดีผิดพลาด แต่การเริ่มเสนอให้เลิกใช้หลักฐานนี้ เพิ่งจะมีขึ้นเมื่อมีการนำดีเอ็นเอมาใช้เป็นหลักฐานในการพิจารณาคดีแทน


แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top