0

จากกรณีมีเอกสารราชการระบุถึงเรื่องติดตามพฤติกรรมชาวต่างชาติ แจ้งเตือนความเป็นไปได้ในการก่อเหตุร้ายของกลุ่ม IS เป็นชาวซีเรีย 10 คน ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย 15-31 ตุลาคม ที่ผ่านมานั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 ธันวาคม ที่สถานทูตรัสเซีย ถนนทรัพย์ แขวงสุรวงศ์ เขตบางรัก กทม. มีการเปิดทำการตามปกติ และมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจของสันติบาล (ชุดแบล็คไทเกอร์)จำนวน 2 นาย พร้อมมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาติดต่อ ซึ่งโดยปกติได้มีการวางกำลังดังกล่าวไว้อยู่แล้ว ทั้งนี้บริเวณข้างซอยสถานทูตรัสเซียพบรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจของพื้นที่สน.บางรัก จำนวน 1 คัน เพื่อสอดส่องดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนด้วยทั่วไป อย่างไรก็ตามตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมามีผู้สื่อข่าวจากหลายสำนักมาเก็บภาพบรรยากาศบริเวณหน้าสถานทูตรัสเซียอย่างต่อเนื่อง

พ.ต.อ.นคร ทองพานิช ผกก.สน.บางรัก เปิดเผยกับ"มติชน"ว่า โดยปกติแล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการวางกำลังโดยรอบเป็นประจำ แต่เนื่องจากมีกระแสข่าวว่ามีบุคคลกลุ่ม ไอเอส (IS) หลบหนีเข้ามายังประเทศไทยทำให้มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่มากยิ่งขึ้น โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลถือเป็นกำลังหลักในการดูแลดังกล่าว จะมีชุดแบล็คไทเกอร์จำนวน 2 นายพร้อมอาวุธปืนกล เฝ้าระวังอยู่บริเวณหน้าสถานทูต ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.บางรัก มีการวางกำลังตั้งจุดตรวจบริเวณโดยรอบตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสังกัดหากลุ่มบุคคลผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นมาตรการเดียวกับการวางกำลังที่สถานทูตฝรั่งเศส อย่างไรก็ตามเบื้องต้นยังไม่พบกลุ่มผู้ต้องสงสัยดังกล่าว อยากฝากถึงประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนกเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่ายจะปฏิบัติหน้าที่เต็มกำลังสุดความสามารถ

ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รรท.ผบช.น.)เปิดเผยข่าวที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล(บช.ส.)ระบุข่าวชาวซีเรีย 10 รายเดินทางเข้าประเทศไทยโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการก่อเหตุร้ายว่าตรวจสอบที่มาที่ไปหมดแล้ว เบื้องต้นทราบว่าไม่ปรากฏบุคคลตามที่มีกระแสข่าว แต่อย่างไรก็ตามตนก็ไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์  จึงสั่งการให้ผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนในสังกัด บช.น. ตรวจสอบเอ็กซเรย์พื้นที่ทุกตารางนิ้วซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เพื่อลดการตื่นตระหนกของประชาชน  เนื่องจากก่อนหน้ามีเหตุเกิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์เป็นบทเรียนสอนใจประชาชนมาแล้ว ดังนั้นตำรวจจึงต้องเข้มงวดกวดขันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือยานพาหนะอื่นๆ หรือร้านขายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน

"ที่ลงพื้นที่ทุกวัน เพราะเป็นห่วงกระแสข่าวเกี่ยวกับความมั่นคง จึงจัดตั้งโฮมการ์ด และขอความร่วมมือจากประชาชน  จากที่สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเอ็กซเรย์พื้นที่ อย่างไรก็ตาม หากรายงานกลับมาว่าไม่มี ไม่พบ ท่านก็ต้องโดนลงโทษ โดยเริ่มจากระดับรองผู้บังคับการที่รับผิดชอบความมั่นคงเป็นหลัก" พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าว

source :- http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1449218235


แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top