The strongest El Nino weather cycle on record is likely to increase the threat of hunger and disease for millions of people in 2016, aid agencies say.
The weather phenomenon is set to exacerbate droughts in some areas, while increasing flooding in others.
Some of the worst impacts are likely in Africa with food shortages expected to peak in February.
Regions including the Caribbean, Central and South America will also be hit in the next six months.
This periodic weather event, which tends to drive up global temperatures and disturb weather patterns, has helped push 2015 into the record books as the world's warmest year.
เผยโลกเผชิญ "เอล นินโญ" ครั้งรุนแรงที่สุดในปีนี้ หวั่นปีหน้าเกิดวิกฤตขาดแคลนอาหารครั้งใหญ่
ดร. นิค คลิงกาแมน ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเรดดิ้งของอังกฤษระบุว่า ปี 2015 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปนี้ คือปีที่โลกเผชิญกับรอบปรากฏการณ์เอล นินโญ ที่มีความรุนแรงมากที่สุดครั้งหนึ่งนับแต่ปี 1998
ปรากฏการณ์เอล นินโญในปีนี้ มีความรุนแรงมากติดสามอันดับแรกที่เคยบันทึกไว้ ปรากฏการณ์ดังกล่าวยังส่งผลให้ปีนี้ เป็นปีที่มีอุณหภูมิสูงสุดปีหนึ่ง ทั้งส่งผลให้เกิดภาวะความแห้งแล้งและน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ของโลกด้วย
ดร. คลิงกาแมนยังระบุว่า เอล นินโญ ที่มีความุรนแรง ส่งผลให้ประเทศในเขตร้อนมีปริมาณน้ำฝนลดลง 20-30% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินโดนีเซียเนื่องจากลมมรสุมในมหาสมุทรอินเดียนำพาน้ำฝนมาในปริมาณที่ต่ำกว่าปกติถึงร้อยละ 15% บราซิลและออสเตรเลียต้องพบกับฤดูมรสุมที่สั้นลงเช่นกัน ซึ่งทำให้เกิดความแห้งแล้งรุนแรงและส่งผลเสียหายต่อการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแอฟริกา ซึ่งผู้คนราว 31 ล้านคนจะต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารในปีหน้า หนึ่งในสามของคนกลุ่มนี้อยู่ในเอธิโอเปีย ซึ่งจะต้องพึ่งพาความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมจากทั่วโลกอย่างมาก
อ็อกซ์แฟม องค์กรผู้ให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมระบุว่า มีความห่วงกังวลว่าวิกฤตขาดแคลนอาหารจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศนี้ จะทำให้ความเป็นอยู่ของผู้คนในพื้นที่ความขัดแย้ง เช่น ซีเรีย ซูดานใต้ และเยเมน แร้นแค้นมากขึ้น ภาวะขาดแคลนอาหารยังจะส่งผลให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอีกด้วย
ทั้งนี้ ปรากฏการณ์เอล นินโญ คือการที่กระแสน้ำอุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางเกิดการขยายตัวไปทางตะวันออก เข้าใกล้ทวีปอเมริกาทั้งทางตอนเหนือและตอนใต้ ส่งผลให้บางพื้นที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นและภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ โดยจะเกิดขึ้นเป็นรอบทุก 2-7 ปี
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น