0

ภาพประกอบ (แฟ้มภาพ) นายคิม จอง-อึน บุตรชายของนายคิม จอง อิล

ผลการวิเคราะห์ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ภายในของเกาหลีเหนือชี้ เกาหลีเหนือมีเครื่องมือติดตามไฟล์แบบออฟไลน์

นายฟลอเรียน กรุนนาว และนายนิเคลาส์ ชีส นักวิจัยชาวเยอรมนีสองคนได้ทำการวิเคราะห์และวิจัยระบบปฏิบัติการ เรด สตาร์ 3.0 ของเกาหลีเหนืออย่างละเอียดมาเป็นเวลา 1 เดือนและพบว่าระบบปฏิบัติการ เรด สตาร์ ถูกออกแบบมาให้คล้ายกับระบบปฏิบัติการโอเอสของแอปเปิ้ล แต่ที่แตกต่างกันคือ เรด สตาร์มีเครื่องมืออื่นซ่อนไว้ นั่นคือ "การลงลายน้ำ” ที่ไฟล์ต่าง ๆ และลงรหัสไฟล์ไว้ทุก ๆ ชิ้น

โดยเมื่อใดก็ตามที่มีการอัพโหลดไฟล์ผ่านยูเอสบี หรือฮาร์ดดิสก์แบบอื่น ๆ ลงบนคอมพิวเตอร์ ไฟล์จะถูกระบบลงลายน้ำไว้ซึ่งทำให้ระบบสามารถตรวจจับการถ่ายโอนไฟล์ได้ทุกขั้นตอน นอกจากนั้น ระบบปฏิบัติการเรด สตาร์ยังสามารถตรวจจับไฟล์ที่ไม่พึงประสงค์และสั่งลบไฟล์เหล่านั้นได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าของไฟล์

นายกรุนนาวชี้ว่า ระบบการลงลายน้ำที่ไฟล์ ทำให้สามารถตรวจสอบการเดินทางของไฟล์ได้ แม้จะเป็นช่องทางออฟไลน์ โดยสามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นคนถือไฟล์นี้เป็นคนแรก ใครเป็นคนเปิดดูบ้าง นอกจากนั้น ระบบดังกล่าวยังมีการลงรหัสไฟล์ด้วยหมายเลขรหัสเฉพาะ อย่างไรก็ดี นักวิจัยทั้งสองยังไม่แน่ใจว่า ทางการเกาหลีเหนือจะใช้งานหมายเลขรหัสเหล่านี้เชื่อมกับตัวบุคคลผู้ถือไฟล์อย่างไร

แต่นายกรุนนาวชี้ว่าเลขดังกล่าวอาจทำให้ทางการสามารถระบุไปถึงตัวผู้ใช้รายย่อยได้ นอกจากนั้นระบบดังกล่าวยังถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้ไม่สามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้ แม้แต่การปิดระบบแอนตี้ไวรัส หรือ ไฟร์วอล ก็จะทำให้ระบบรีบูทใหม่ทันท

ทั้งนี้นายกรุนนาวบอกด้วยว่า ประเด็นการสร้างระบบปฏิบัติการภายในเกาหลีเหนือเป็นความคิดของนายคิม จอง-อิล และถ้าลองคิดดี ๆ ระบบเรด สตาร์ก็เหมือนกับการปกครองของเกาหลีเหนือ ตรงที่เป็นการลงกลอนล็อคเอาไว้ ทั้งยังมีระบบการติดตามผู้ใช้และประชาชนอีกด้วย อย่างไรก็ดี เราไม่สามารถทราบได้ว่าเกาหลีเหนือได้ติดตั้งระบบปฏิบัติการนี้ไว้มากเพียงใด

ระบบเรด สตาร์นี้สร้างขึ้นโดยใช้ลีนุกซ์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเปิดที่สามารถใช้ได้ฟรี และสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างใจนึก และเรด สตาร์ก็ถูกออกแบบมาให้เข้าถึงง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ นายกรุนนาวชี้ว่าระบบดังกล่าวถือว่าเป็นตลกร้าย เพราะเรด สตาร์ถูกสร้างขึ้นจากระบบลีนุกซ์ ซึ่งสนับสนุนเสรีภาพในการพูด แต่เรด สตาร์กลับลงลายน้ำเพื่อทำลายเสรีภาพในการพูดไปเสียหมด

ผลการวิจัยของนักวิจัยทั้งสองคนถูกเผยแพร่ในงานประชุมเคออส คอมมิวนิเคชันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (27 ธ.ค.)

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top