พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
เห็นพวกสลิ่มคนชั้นกลางคุยโม้ว่า เป็นคนเสียภาษีไป "อุ้มชู" คนจน ฟังแล้ว "รำคาญ" เพราะมันเป็น "มโนอคติ" เป็นเท็จล้วนๆ ที่คนพวกนี้ใช้หลอกตัวเองว่า “สูงส่ง” และดูถูกคนอื่น
รายได้ที่รัฐบาลกลางจัดเก็บในปี 2557 มีจำนวน 2.5 ล้านล้านบาท มาจาก
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (รวมเงินเดือนของ “มนุษย์สลิ่ม” ข้างต้นด้วย) เพียง 2.8 แสนล้านบาทเท่านั้น แค่ 11% ของรายได้รัฐทั้งหมด
- ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจ (กำไรบริษัท) 7 แสนล้านบาท เป็น 28% ของทั้งหมด
- ที่เหลืออีก 1.5 ล้านล้านบาท ราว 61% ของทั้งหมดเป็นภาษีบริโภค ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต อากรขาเข้า-ขาออก ค่าธรรมเนียม ฯลฯ ส่วนนี้แหละที่คนไทยทุกคน (เน้นว่า "ทุกคน”) ต้องจ่ายผ่านการบริโภค ไม่ว่าใคร ทั้งรวยและจน เมื่อใดที่ควักเงินใช้จ่ายซื้อสิ่งของ ก็จะจ่ายภาษีส่วนนี้ให้กับรัฐ
คนรวยแต่ละคนใช้จ่ายบริโภคมากและแพง ภาษีบริโภคที่คนรวยแต่ละคนจ่ายจึงมากตามไปด้วย ขณะที่คนจนแต่ละคนใช้จ่ายบริโภคเป็นเม็ดเงินน้อยกว่าหรือราคาถูกกว่า ภาษีบริโภคที่คนจนแต่ละคนจ่ายจึงน้อยกว่า ซึ่งก็ถูกต้องตามหลักภาษีบริโภคคือ กินมากใช้มาก กินแพงใช้แพง ก็จ่ายภาษีมาก
คนที่โวยว่า "คนจนไม่จ่ายภาษี"" นั้น บอกได้เลยว่า คxxx ล้วนๆ!
ถ้าสลิ่มชั้นกลางด่าว่า เอาภาษีคนรวยไปจุนเจือโครงการสุขภาพของคนจน ระวังคนจนจะด่ากลับบ้างว่า เอาภาษีคนจนไปสร้างถนนสะพาน-ทางด่วนให้รถยนต์หรูของคนรวยวิ่งเล่น สร้างและจุนเจือมหาลัยของรัฐให้ลูกคนรวยเข้าเรียนจ่ายค่าหน่วยกิตถูก ๆ สร้างเขื่อนและโรงไฟฟ้ามาปั่นไฟป้อนห้างสรรพสินค้า-โรงแรมห้าดาวให้สลิ่มและคนรวยเข้าไปเดินกรีดกรายแข่งกันอวดรวย ฯลฯ
โดยสรุป รัฐมีหน้าที่ใช้จ่ายภาษีเอื้อสวัสดิการแก่คนทุกกลุ่ม "ตามความจำเป็นอย่างเสมอภาค" และหลัก "ความเสมอภาค" หมายความว่า คนจนซึ่งอ่อนแอกว่า มีกำลังและทุนน้อยกว่า ต้องได้รับการดูแลจากรัฐมากกว่าในส่วนที่เขาขาดแคลนด้อยกว่าคนรวย ซึ่งก็คือ การศึกษาและสุขภาพ โอกาสเข้าถึงงานและแหล่งทุน ฯลฯ
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น