คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติลงมติให้ชาติสมาชิกเพิ่มความพยายามรับมือไอเอส

บีบีซีไทย - BBC Thai

คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติลงมติให้ชาติสมาชิกเพิ่มความพยายามรับมือไอเอส 

สมาชิกต่างเห็นชอบเป็นเอกฉันทน์กับข้อเสนอของฝรั่งเศสในเรื่องให้เพิ่มความพยายามและประสานงานในการต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส โดยตามข้อเสนอของฝรั่งเศสขอให้สมาชิกใช้มาตรการทุกอย่างเท่าที่จำเป็น

มติหมายเลข 2249 ของยูเอ็นยังประณามการโจมตีที่ซูสส์ในตูนิเซีย และอังการาในตุรกีด้วย มติเรียกร้องให้สมาชิกจัดการไม่ให้มีพื้นที่ที่เป็นที่หลบซ่อนของกลุ่มไอเอสรวมทั้งกลุ่มก่อเหตุอื่นๆที่อยู่ในอิรักและซีเรีย ให้สมาชิกเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าและประสานงานกันในการป้องกันและปราบปรามไม่ให้มีการโจมตี อย่างไรก็ตาม มติไม่ได้ให้อำนาจตามกฎบัตรสหประชาชาติหมวดที่ 7 ในอันที่จะใช้กำลังทางทหาร แต่ฝรั่งเศสและรัสเซียต่างก็อ้างว่า สามารถที่จะใช้กำลังทางทหารได้แล้วเนื่องจากประเทศต่างๆมีสิทธิในอันที่จะปกป้องตัวเอง

ในขณะที่คณะมนตรีความมั่นของยูเอ็นออกมติดังกล่าว อีกด้านหนึ่งเบลเยี่ยมยกระดับการระวังภัยเป็นระดับสูงสุดในกรุงบรัสเซลส์ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่พบว่า ในกลุ่มผู้ที่มีส่วนร่วมในการก่อเหตุโจมตีปารีสเมื่อคืนวันที่ 13 พ.ย.ซึ่งทำให้มีคนตาย 130 คนนั้น มีบางคนอาศัยอยู่ในเบลเยี่ยม และหนึ่งในนั้นที่ยังรอดชีวิตอยู่คือซาลาห์ อับเดลสลามที่ยังคงหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่และเชื่อกันว่าเขาหนีกลับเข้าไปยังเบลเยี่ยม นอกจากนี้ทางการเบลเยี่ยมประกาศด้วยว่า ได้จับกุมและตั้งข้อหาผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับเหตุการณ์โจมตีที่ปารีส ทำให้จำนวนผู้ที่ถูกตั้งข้อหาร่วมก่อเหตุที่มาจากเบลเยี่ยมเพิ่มขึ้นเป็นสามคน

ทางด้านเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสบอกว่า ญาติของชายคนที่เชื่อว่ามีบทบาทเป็นผู้นำในเหตุการณ์โจมตีปารีส ไม่ได้ระเบิดพลีชีพในระหว่างการเข้าล้อมจับของตำรวจเมื่อวันพุธดังที่เชื่อกันในตอนแรก เจ้าหน้าที่ในทีมงานที่บุกเข้าล้อมจับได้ให้สัมภาษณ์บีบีซีว่า ผู้หญิงคนดังกล่าว คือ Hasna Ait Boulahcen วัย 26 พยายามบอกเจ้าหน้าที่ว่าเธอไม่เกี่ยวข้องและต้องการจะมอบตัว แต่จากข้อมูลข่าวกรองที่ได้รับก่อนหน้านั้นทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเธอพยายามจะหลอกล่อมากกว่า ส่วนคนที่ใช้ระเบิดจริงเป็นผู้ชายอีกคนหนึ่ง ทั้งชายคนนี้และอับเดลฮามิด อาบาอูดซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นผู้นำการก่อเหตุต่างก็เสียชีวิตทั้งคู่

อีกด้านหนึ่ง อัยการฝรั่งเศสบอกว่า คนที่ระเบิดพลีชีพหรือระเบิดฆ่าตัวตายที่สนามกีฬาสต๊าดเดอฟรองส์ เดินทางเข้าสู่ฝรั่งเศสโดยผ่านมาทางกรีซ ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ก็ให้ข้อมูลเดียวกันนี้เกี่ยวกับผู้ก่อเหตุอีกราย คาดว่าทั้งสองคนต่างอ้างตนเป็นผู้อพยพจากซีเรีย