นักข่าวต่างประเทศยังสับสนม าตรการเข้มงวดการให้วีซ่า ชี้อาจเป็นการส่งสัญญาณการจ ำกัดเสรีภาพสื่อที่ไทยไม่ชอ บใจ ในขณะที่เสียโอกาสของการเป็ นศูนย์กลางการทำข่าวในภูมิภ าค
ประธานคณะกรรมการวิชาชีพของ สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ในไทย โจนาธาน เฮด กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลไทยออ กมาตรการใหม่เกี่ยวกับการขอ หนังสือเดินทางประเภท M หรือประเภทสื่อมวลชนโดยมีเง ื่อนไขสำคัญหลายประการว่า ส่งผลกระทบต่อสื่อต่างประเท ศในไทยเพราะเป็นมาตรการที่ไม่สอดคล้องกับสภ าพการทำงานของสื่อปัจจุบันท ี่มักเป็นสื่อที่ไม่มีสังกั ดมากกว่าสื่อมีสังกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านข่าวกีฬา ท่องเที่ยวและวัฒนธรรม
เฮดระบุว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่บางคนบอ กว่าเป้าหมายของมาตรการนี้ค ือต้องการลดจำนวนนักข่าวต่า งประเทศในไทยที่มีอยู่ 500 คนลง เจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนกล ับออกมาพูดชัดว่าต้องการจะจ ำกัดวงนักข่าวที่เขียนข่าวท ี่ไม่เป็นคุณกับรัฐบาลไทย
อย่างไรก็ตามเขาระบุว่าเงื่ อนไขที่กำหนดให้ต้องพิสูจน์ สังกัดก็ทำให้นักข่าวกลุ่มท ี่รายงานข่าวเชิงวิพากษ์วิจ ารณ์รัฐบาลยังไม่ได้รับผลกร ะทบ ส่วนคนที่ได้รับผลกระทบกลับ เป็นกลุ่มนักข่าวอิสระที่มี เป็นจำนวนมาก เช่น นักเขียนให้นิตยสาร หรือสิ่งพิมพ์ต่างๆ ช่างภาพซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ ่ล้วนเป็นช่างภาพอิสระ ผลของการเข้มงวดของทางการเช ื่อว่าจะทำให้ลดจำนวนนักข่า วที่ทำงานในไทยลงได้อย่างมา กราว 50 คน ซึ่งก็คงจะไม่ได้เป็นไปตามเ ป้าหมายที่อยากลดจำนวนนักข่ าวลงอย่างที่เจ้าหน้าที่บาง คนระบุ
“มาตรการที่ออกมาอาจจะทำให้ ถูกมองได้ว่ารัฐบาลอาจจะต้อ งการจัดการกับสื่อที่วิพากษ ์วิจารณ์รัฐบาล แต่คนที่ได้รับผลกระทบกลับเ ป็นสื่อที่ไม่มีสังกัดและไม ่เกี่ยวข้องกับการเมือง”
เฮดระบุว่าที่ผ่านมา ทางสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประ เทศในไทย ได้พยายามประสานและทักท้วงใ ห้กระทรวงการต่างประเทศแก้ไ ข คือการที่กำหนดว่าสื่อต่างป ระเทศในไทยต้องทำข่าวเกี่ยว กับเมืองไทยเท่านั้น ซึ่งไม่สอดคล้องกับความจริง เพราะสื่อต่างประเทศย่อมทำง านในประเด็นประเทศเพื่อนบ้า นด้วย และอีกประเด็นคือ นักข่าวที่ทำงานในประเด็นข่ าวกีฬา ท่องเที่ยวและแฟชั่น ไม่ควรถูกตัดโอกาสในการขอวี ซ่าประเภทนี้ อย่างไรก็ตามทั้งสองเรื่องเ ป็นเรื่องที่ทางกระทรวงการต ่างประเทศระบุว่าต้องส่งให้ รัฐบาลพิจารณาต่อไป
เฮดกล่าวว่า ที่ผ่านมาไทยมีสถานะของการเ ป็นศูนย์กลางของการรายงานข่ าวในภูมิภาคมาเนิ่นนานเพราะ บรรยากาศที่เอื้ออำนวย ความมีเสรีภาพเมื่อเทียบกับ ที่อื่นๆ ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกต่ างๆ ซึ่งเป็นพัฒนาการที่สอดคล้อ งกับการพยายามเปิดพื้นที่ต้ อนรับการลงทุนและอื่นๆ การเข้มงวดในเรื่องนี้นอกจา กส่งสัญญาณในทางลบว่าอาจต้อ งการจำกัดเสรีภาพสื่อ อีกด้านก็กระทบความเป็นศูนย ์กลางการทำข่าวของไทย
“นี่เป็นที่ที่ดีมากในการทำ งาน เคยเป็นที่ที่ดีสุดสำหรับสื ่อต่างประเทศ และไทยควรจะภูมิใจในเรื่องน ี้ ” เขาบอกว่า นี่เป็นจุดแข็งของไทย แต่ผลกระทบจากการแตกแยกทางค วามคิดในเมืองไทย อาจจะทำให้คนไทยบางส่วนและร ัฐบาลทหารไม่พอใจสื่อต่างปร ะเทศ แต่นี่คือหน้าที่ของสื่อ สิ่งเหล่านี้ควรจะมีการแลกเ ปลี่ยนกันเพราะถึงที่สุดแล้ ว การถูกละเลยจากสื่อต่างประเ ทศก็ไม่เป็นผลดีกับประเทศไท ยเอง และส่วนหนึ่งของการเปิดสู่ก ารสร้างความสัมพันธ์และการค ้าในระดับนานาชาติ ก็คือการเปิดพื้นที่ให้สื่อ ต่างประเทศได้ทำงาน
“สื่อต่างประเทศไม่ได้มีธงอ ะไร รายงานตามเนื้อผ้า บางเรื่องที่เป็นเรื่องอ่อน ไหวเราก็ยึดข้อเท็จจริง แต่เราต้องรายงานอย่างตรงไป ตรงมา ไม่สามารถใช้ลีลาที่เป็นที่ เข้าใจกันได้อย่างที่สื่อไท ยทำเพราะไม่เช่นนั้นคนอ่านข องเราจะไม่เข้าใจ แต่สื่อต่างประเทศทำแบบนี้ก ับทุกที่ ไม่ใช่ว่าทำกับไทยที่เดียว รัฐบาลไทยไม่น่าจะต้องมาใส่ ใจกับการจัดการสื่อต่างประเ ทศมากไป สิ่งสำคัญกว่าคือการถกเถียง กันภายในประเทศ”
ด้านนายสุภลักษณ์ กาญจนขุนดี บรรณาธิการโต๊ะข่าวต่างประเ ทศ เครือเดอะเนชั่น กล่าวว่า โดยเปรียบเทียบแล้ว ไทยเคยเป็นประเทศที่เสรีสำห รับสื่อต่างประเทศ แต่เขาคิดว่าประเทศไทยตอนนี ้กำลังเข้าไปอยู่ในกลุ่มเดี ยวกับรัฐบาลส่วนใหญ่ในเอเชี ยตะวันออกเฉียงใต้ในส่วนภาค พื้นทวีป โดยเฉพาะอย่างยิ่งลาวและเวี ยดนาม ซึ่งควบคุมการทำงานของสื่อต ่างประเทศมาก ขณะที่เมียนมาเริ่มผ่อนคลาย มาตรการต่างๆ ลงแล้ว และกัมพูชาอาจจะนับได้ว่าให ้เสรีภาพสื่อต่างประเทศมากท ี่สุดเพราะไม่มีเงื่อนไขในก ารเข้าไปทำข่าวเลย
สุภลักษณ์ยืนยันว่า ผู้สื่อข่าวทำงานภายใต้กรอบ ของการนำเสนอข้อเท็จจริง “เจ้าหน้าที่มักจะไม่ชอบสิ่ งที่นักข่าวนำเสนอ ถ้าเสนอข่าวไปแล้วข้อมูลมัน ถูกแต่เจ้าหน้าที่ไม่ชอบก็เ ป็นเรื่องช่วยไม่ได้ แต่ถ้าผิดนักข่าวก็พร้อมแก้ ไข แต่การไปพูดว่าเราตั้งใจจะท ำแบบนั้นมันไม่ใช่ นักข่าวไม่ทำแบบนั้น อย่าไปทำให้เรื่องของการเสน อข่าวกลายเป็นเรื่องส่วนตัว ”
ก่อนหน้านี้กระทรวงการต่างป ระเทศได้ชี้แจงหลังจากมีมาต รการในการขอวีซ่าแบบใหม่ออก มา ระบุว่ากระทรวงไม่ได้ปฏิเสธ วีซ่าของผู้ที่เกี่ยวข้องซึ ่งส่วนใหญ่เป็นช่างภาพอิสระ แต่ได้พูดคุยและแนะนำผู้ที่ เกี่ยวข้องให้เปลี่ยนประเภท วีซ่าเป็นประเภทที่เหมาะสม เช่น รหัส “B” หรือประเภทการติดต่อธุรกิจห รือทำงาน และหากมีความจำเป็นต้องใช้บ ัตรสื่อมวลชนในการปฏิบัติหน ้าที่ถ่ายภาพให้กับสำนักข่า ว ก็สามารถแสดงความจำนงขอรับบ ัตรผู้สื่อข่าวได้ ซึ่งกระทรวงจะพิจารณาและแจ้ งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่ อดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ ช่างภาพที่สังกัดสำนักข่าวท ี่ได้รับการจดทะเบียนอย่างถ ูกต้องในประเทศไทยหรือในต่า งประเทศจะไม่ได้รับผลกระทบใ ด ๆ จากแนวทางการพิจารณานี้ กระทรวงระบุด้วยว่า ปัจจุบันมีผู้สื่อข่าวต่างป ระเทศที่ยื่นคำร้องขอวีซ่า ที่พำนักอยู่ในประเทศไทยจำน วนกว่า 500 คน โดยจากการตรวจสอบพบว่า มีผู้ที่ไม่เข้าข่ายขอรับวี ซ่าผู้สื่อข่าวตามแนวทางข้า งต้นเพียงประมาณร้อยละ 10 เท่านั้น
ประธานคณะกรรมการวิชาชีพของ
เฮดระบุว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่บางคนบอ
อย่างไรก็ตามเขาระบุว่าเงื่
“มาตรการที่ออกมาอาจจะทำให้
เฮดระบุว่าที่ผ่านมา ทางสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประ
เฮดกล่าวว่า ที่ผ่านมาไทยมีสถานะของการเ
“นี่เป็นที่ที่ดีมากในการทำ
“สื่อต่างประเทศไม่ได้มีธงอ
ด้านนายสุภลักษณ์ กาญจนขุนดี บรรณาธิการโต๊ะข่าวต่างประเ
สุภลักษณ์ยืนยันว่า ผู้สื่อข่าวทำงานภายใต้กรอบ
ก่อนหน้านี้กระทรวงการต่างป
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น