0

ผู้เขียนรายงานซ้อมทรมานภาคใต้บอกเจ้าหน้าที่เยี่ยมบ้านอีกแล้ว
คราวนี้พบแต่แม่วัย 75 เจ้าหน้าที่ฝากบอกลูกสาวห้ามเล่นไลน์และเฟซบุ้ก ด้านแหล่งข่าวระดับสูงในกองทัพภาค 4 ระบุทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกันเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งสร้างบรรยากาศ เผยแม่ทัพสั่งสอบข้อเท็จจริงรายกรณีเหตุซ้อมทรมาน หากผิดจริงจะมีการลงโทษ
เว็บ Voice from Thais เผยแพร่เรื่องราวของ น.ส.อัญชนา หีมมีหน๊ะ ผู้ร่วมเขียนรายงานเรื่องสถานการณ์การซ้อมทรมานในภาคใต้ฉบับล่าสุดว่า หลังจากที่นำเสนอรายงานออกไปแล้ว น.ส.อัญชนามีเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมถึงสองครั้ง โดยในครั้งแรกไปเยี่ยมที่ร้านขายของแต่ไม่พบ และเมื่อวานนี้ 19 ก.พ.เวลา 17.00 น.ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน 10 นายไปเยี่ยมที่บ้าน แต่ไม่พบเจ้าตัว พบแต่แม่ของ น.ส.อัญชนาวัย 75 ปีที่อยู่บ้านคนเดียวจึงทำให้เกิดความวิตกกังวล เว็บไซต์ดังกล่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้สอบถามประวัติของ น.ส.อัญชนาพร้อมถ่ายรูปสถานที่และแม่ไว้หลายรูป หลังจากพูดคุยได้ประมาณหนึ่งชั่วโมงก็กลับออกไปพร้อมกับฝากบอก น.ส.อัญชนาว่าห้ามเล่นไลน์และเฟซบุ้ก
เว็บไซต์ดังกล่าวระบุว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.อัญชนาในฐานะกลุ่มด้วยใจ ได้ร่วมกับมูลนิธิผสานวัฒนธรรมและองค์กรเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปัตตานี ออกรายงานสถานการณ์การทรมานและการปฎิบัติที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรีในจังหวัดชายแดนใต้ปี 2557 - 2558 เป็นรายงานที่ระบุว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวมีการซ้อมทรมานบุคคลต่างๆรวมแล้ว 32 กรณี และเมื่อรวมในช่วง 2547 - 2556 มีทั้งหมด 54 กรณีด้วยกัน ทั้งนี้จากผลของการสัมภาษณ์เหยื่อ หลังจากที่ออกรายงานไปแล้ว เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ในชุดสีเขียวไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นทหารหรือตำรวจตระเวนชายแดนได้จำนวนสามนาย ได้ไปเยี่ยมที่ร้านขายผ้าของ น.ส.อัญชนาที่สะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา แต่พบแต่พนักงาน และต่อมาเมื่อ 14 ก.พ.เจ้าหน้าที่ได้เรียกตัวน.ส.อัญชนาและทีมงานเข้าไปพบแม่ทัพภาคที่ 4 ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน แลกเปลี่ยนข้อมูลและความเห็นเป็นเวลาประมาณสองชั่วโมง เว็บไซต์อ้างน.ส.อัญชนาที่เห็นว่า การไปเยี่ยมของเจ้าหน้าที่เป็นผลโดยตรงจากการเผยแพร่รายงานดังกล่าว
ในเรื่องนี้แหล่งข่าวระดับสูงในกองทัพภาคที่ 4 เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเอาจริงเอาจัง และทางแม่ทัพกองทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกรายตามที่มีข้อกล่าวหา หากพบว่าจริงจะมีการลงโทษ “เจ้าหน้าที่ก็งงมาก เพราะรายงานนี้สวนทางกับข้อเท็จจริงที่เป็นที่ยอมรับกันในพื้นที่หลายส่วน ว่าปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนนั้นดีขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะไม่มีการร้องเรียนใดๆอีกแล้ว แต่อยู่ดีๆก็มีรายงานนี้ออกมา” พร้อมกันนั้นยืนยันว่า ที่ผ่านมาการที่การละเมิดสิทธิมนุษยชนลดลงเป็นผลจากการดำเนินนโยบายที่เข้มงวด มีการเอาผิดและลงโทษเจ้าหน้าที่จริงจัง
สำหรับเหตุการณ์การเยี่ยมบ้านผู้ออกรายงานล่าสุดนั้น แหล่งข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ไม่น่าจะมีเจตนาข่มขู่ คาดว่าเป็นการเยี่ยนเยียนสร้างความรู้จัก อย่างไรก็ตาม นโยบายของผู้นำรัฐบาลและแม่ทัพภาคที่ 4 ขณะนี้ชัดเจนว่าต้องการให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันสร้างบรรยากาศเพื่อนำทางไปสู่การสร้างสันติสุข และทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ขจัดความขัดแย้งทุกด้านรวมทั้งเงื่อนไขต่างๆ “ต้องหยุดอะไรก็ตามที่จะทำให้เกิดเงื่อนไขการทำลายบรรยากาศ” พร้อมกันนั้นชี้ว่า สิ่งที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงกำลังดำเนินการคือพยายามร่วมมือกับภาคประชาสังคมและผู้ออกรายงานเพื่อสร้างกลไกการทำงานร่วมกันที่จะแก้ปัญหาที่มีการกล่าวหา โดยเฉพาะต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวหาเช่นกัน และการสัมภาษณ์เพื่อหาข้อมูลควรจะสัมภาษณ์ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ด้วย ก่อนที่จะออกรายงานที่จะนำเสนอสู่ต่างประเทศ



แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top