0


วันนี้วันวาเลนไทน์ แต่หนุ่มสาวทั้งหลายอาจจะคิดใหม่เรื่องการหาคู่รักที่จะกลายมาเป็นคู่ครองในอนาคต
นักจิตวิทยาและนักวิจัยหลายราย แนะนำว่าสองสิ่งที่คนเราควรคำนึงเวลาต้องการมองหาคู่ครองให้อยู่กันแบบยั่งยืน คือตรวจสอบพฤติกรรมการเลือกอาชีพ และเรื่องของการใช้เงิน พวกเขามีคำแนะนำเป็นเคล็ดลับในอันที่จะทำให้การมีคู่ครองเป็นเรื่องที่ยืนยาวได้
ประการแรก อย่าพยายามยึดเรื่องหาคู่ครองที่เหมาะสมที่สุดให้มากเกินไป โดยเฉพาะเรื่องของการอยู่กับคนในอาชีพเดียวกันซึ่งอาจจะฟังดูดีเพราะว่าจะมีประสบการณ์ที่จะแลกเปลี่ยน คุยกันได้ไม่จบ เนื่องจากเป้าหมายของชีวิตการงานตรงกัน แต่นักวิจัยบอกว่า ในระยะแรกเท่านั้นที่คู่รักจะมีความสุข พอผ่านไปได้สักพักพวกเขาจะเริ่มถอยห่างจากกันทีละน้อย เพราะว่าการมีงานเป็นสิ่งที่เป็นเป้าหมายร่วม จะทำให้พวกเขาหยุดแสวงหาจุดร่วมในการใช้เวลาว่างด้วยกัน
เกล คินแมน นักวิจัยที่ค้นคว้าเรื่องการแต่งงานของคนในอาชีพเดียวกันบอกว่า เรื่องของงานอาชีพจะเข้าไปเบียดบังพื้นที่ที่พวกเขาจะมีร่วมกันในเรื่องอื่น และช่วงสองสามปีมานี้ นักวิจัยหันไปให้ความสำคัญกับประเด็นว่า อาชีพไหนจะเหมาะสมกันมากที่สุด เช่น คนทำงานด้านการตลาดและโฆษณามักจะสนใจนักดนตรี ขณะที่ตำรวจมักจะสนใจนักการธนาคาร นักลงทุน
eHarmony ซึ่งเป็นเว็บที่จับคู่ผู้ใช้ก็มีข้อมูลว่า มีงานอาชีพบางอย่างที่เข้าคู่กันแล้วดี โดยจัดเอาไว้ 10 คู่ ซึ่งรวมไปถึงทนายความชายกับสถาปนิกหญิง ทนายความหญิงกับนักบินชาย นักวิจัยชายกับเภสัชกรหญิง ส่วนที่สวนกระแสกับแนวทางนี้ก็คือคู่ระหว่างผู้บริหารธุรกิจชายกับผู้บริหารหญิง
ส่วนคนที่มักจะอยู่กับคู่อย่างยืนยาวไม่ว่าคู่ของตัวเองจะประกอบอาชีพอะไรก็ตาม คือเสมียนหรือพนักงานทั่วไป วิศวกรและคนทำงานด้านการตรวจวัดสายตา
สิ่งที่มีผลกระทบต่อเวลาในครอบครัว คืองานของแต่ละคน นักวิจัยบอกว่า งานที่มีเวลาไม่แน่นอน ทำงานจนดึกดื่นจะส่งผลกระทบสูงเพราะจะส่งสัญญาณไปยังคู่ของคุณว่างานสำคัญกว่าพวกเขา ในระยะยาวเรื่องนี้บ่อนทำลายชีวิตรักและชีวิตคู่ ควรหาวิธีการจัดการเวลาและการสื่อสารกับคู่ของคุณ
มีงานวิจัยที่เป็นเครื่องเตือนใจด้วยว่า คู่รักไม่ควรจัดงานวิวาห์หรูหราและสิ้นเปลืองมากเกินไป แอนดรู ฟรานซิส ตัน นักวิจัยที่ศึกษาเรื่องการจัดงานแต่งงาน โดยศึกษาจากคู่สมรสร่วม 3,000 คู่พบว่า ยิ่งใช้จ่ายสิ้นเปลืองมากเท่าไหร่ อายุขัยของชีวิตคู่ยิ่งสั้นลงเท่านั้น ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องหมายความว่าการใช้จ่ายสิ้นเปลืองทำให้มีหนี้สินและต้องเลิกร้างกันเร็วขึ้น แต่ข้อเท็จจริงก็คือว่า มีคู่สมรสจำนวนมากหลังจากแต่งงานแล้วลงเอยด้วยการที่มีหนี้สินพอกพูนซึ่งทำให้เสียบรรยากาศในชีวิตรักมาก
สิ่งที่นักวิจัยพบอย่างหนึ่งก็คือ เครดิตหรือความน่าเชื่อถือทางการเงินของแต่ละคนมีส่วนสัมพันธ์กับการที่พวกเขาจะคบหากันได้ยาวนานแค่ไหน ผลการศึกษาเมื่อปีที่แล้วพบว่า คนที่มีเครดิตหรือความน่าเชื่อถือทางการเงินในสัดส่วนพอ ๆ กันมีโอกาสที่จะมีชีวิตรักที่ยืนยาว ส่วนคู่ที่มีช่องว่างในเรื่องนี้มาก มีโอกาสมากกว่าที่จะแยกทางกัน
ความน่าเชื่อถือหรือเครดิตในทางการเงินนี้ นักวิจัยบอกว่า เป็นสิ่งที่ช่วยวัดความน่าเชื่อถือโดยทั่วไปรวมไปถึงความเป็นคนจริงจังเชื่อถือได้ในสิ่งอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเงินหรือการใช้หนี้ด้วย
และนี่ก็เป็นข้อเสนอแนะสำหรับคู่รักในวันวาเลนไทน์ อย่าเพิ่งให้ดอกกุหลาบกันเร็วเกินไป

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top