กลุ่มอนุรักษ์ยังหากองเรือล ่าวาฬของญี่ปุ่นไม่พบ
กลุ่มซีเชพเพิร์ดซึ่งเป็นกล ุ่มนักเคลื่อนไหวต่อต้านการ ล่าวาฬแถลงว่าทางกลุ่มยังไม ่สามารถค้นหากองเรือของญี่ป ุ่นที่กำลังออกล่าวาฬในมหาส มุทรแอนตาร์กติก ได้พบ
กลุ่มซีเชพเพิร์ดส่งเรือออก ไปพยายามขัดขวางการล่าวาฬขอ งกองเรือญี่ปุ่นเป็นประจำทุ กฤดูการล่า แต่ตัวแทนของกลุ่มเปิดเผยว่ าในปีนี้ ญี่ปุ่นได้ขยายพื้นที่ปฏิบั ติการล่าวาฬผิดกฎหมายอย่างม าก ทำให้ยากที่จะติดตามจนพบ นอกจากนี้ แถลงการณ์ของซีเชพเพิร์ดยัง ได้เรียกร้องให้ออสเตรเลียแ ละนิวซีแลนด์ช่วยเหลือ ด้วยการแจ้งพิกัดของกองเรือ ญี่ปุ่นด้วย
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1940 ถึงกลางทศวรรษ 1960 เนื้อวาฬเป็นแหล่งอาหารประเ ภทเนื้อสัตว์ที่สำคัญที่สุด ของญี่ปุ่น โดย ณ จุดสูงสุดในปี 1964 ญี่ปุ่นฆ่าวาฬถึงกว่า 14,000 ตัวในเวลาปีเดียว ส่วนใหญ่เป็นวาฬฟินและวาฬหั วทุย
ในปัจจุบัน ญี่ปุ่นสามารถนำเข้าเนื้อสั ตว์จากออสเตรเลียและอเมริกา ได้แล้ว จึงไม่มีการล่าวาฬน้ำลึกในเ ชิงพาณิชย์ในญี่ปุ่นอีก แต่กลับส่งกองเรือออกล่าวาฬ ในน่านน้ำมหาสมุทรแอนตาร์กต ิก โดยได้รับเงินสนับสนุนจากภา ษีอากร เพื่อทำสิ่งที่รัฐบาลญี่ปุ่ นระบุว่าเป็น "การวิจัยทางวิทยาศาสตร์"
อย่างไรก็ตาม ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได ้ปฏิเสธไม่ยอมรับข้ออ้างเรื ่องการล่าวาฬเพื่อการศึกษาข องญี่ปุ่น และตัดสินว่าไม่มีการวิจัยท างวิทยาศาสตร์เกิดขึ้น ในโครงการล่าวาฬเพื่อการวิจ ัยของญี่ปุ่นในมหาสมุทรแอนต าร์กติก ทั้งยังสั่งให้รัฐบาลญี่ปุ่ นหยุดดำเนินการล่าวาฬด้วย
กลุ่มซีเชพเพิร์ดซึ่งเป็นกล
กลุ่มซีเชพเพิร์ดส่งเรือออก
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1940 ถึงกลางทศวรรษ 1960 เนื้อวาฬเป็นแหล่งอาหารประเ
ในปัจจุบัน ญี่ปุ่นสามารถนำเข้าเนื้อสั
อย่างไรก็ตาม ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น