0
งัดคำท่านผู้นำ.."ความรับผิดชอบ"กับ"สั่งการทางนโยบาย"ต้องแยกจากกัน ทวงความยุติธรรมให้"ยิ่งลักษณ์" พร้อมเยียวยาความเสียหาย

***********************************************

ติดตามโครงการอุทยานราชภักดิ์แล้วเห็นว่า มีมุมมองที่คนทั่วไปอาจมองข้ามอยู่ 3 ประเด็น คือ
.
1.ขอบคุณนายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธาน คตง. และนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่า สตง.ที่ให้ข้อมูลต่อสาธารณชนว่าโครงการอุทยานราชภักดิ์ใช้งบประมาณแผ่นดินส่วนหนึ่งจากงบกลาง และ สตง.มีอำนาจตรวจสอบเงินบริจาคให้กับส่วนราชการได้ ซึ่งจากเดิมสาธารณชนเชื่อคำชี้แจงทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายประจำ ว่าโครงการนี้ใช้งบจากการบริจาคเท่านั้น จากนี้ไปก็รอฟังผลการตรวจสอบโครงการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น กลาโหม ป.ป.ช.และ สตง. ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้อง จนกว่าผลการตรวจสอบจะสิ้นสุดและชี้แจงต่อสาธารณชนอย่างโปร่งใส
.
2.โฆษก คสช.ให้ความเห็นว่าการใช้คำว่า "ทุจริต" หากมีผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กร จะใช้มุมมองทางกฎหมายกับผู้กล่าวอย่างจริงจัง
.
3.นายกรัฐมนตรีให้ความเห็นเรื่องการเรียกร้อง "ความรับผิดชอบ"กับการสั่งการทาง "นโยบาย"ต้องแยกจากกัน
.
กล่าวโดยสรุป ทั้งสองท่านต้องการให้สังคมคำนึงถึง "หลักนิติธรรม" กับผู้ถูกกล่าวหาทางสังคม จนกว่าการตรวจสอบตามกระบวนการจบสิ้น
.
เมื่อเปรียบเทียบกับกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกดำเนินการในโครงการรับจำนำข้าวมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ถูกถอดถอนจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถูกดำเนินคดีอาญา ถูกเลือกวิธีใช้คำสั่งทางปกครองเพื่อเรียกค่าเสียหายทางละเมิดฯและจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากเป็นผู้ที่เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ในขณะที่ข้อเท็จจริงปรากฎว่า ศาลยังมิได้มีคำพิพากษาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กระทำการ "ทุจริต" ในโครงการรับจำนำข้าว หรือปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต รวมทั้งศาลยังมิได้ชี้ประเด็นการดำเนินงานตาม "นโยบาย"ที่แถลงต่อรัฐสภาเป็นความผิดหรือไม่
.
จึงมีคำถามว่า เมื่อศาลยังไม่มีคำพิพากษา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กระทำผิดตามข้อกล่าวหาควรได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายและตามหลักนิติธรรมหรือไม่ ซึ่งโดยส่วนตัวและวิญญูชนทั่วไปคงเห็นพ้องต้องกันว่า ควรได้รับการคุ้มครองฯ
.
ดังนั้น หากสิ่งที่ดำเนินการกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ผ่านมา ความเป็นที่ปรากฎว่าไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม ควรเยียวยาให้ท่านได้รับความเป็นธรรมกลับคืนมาอย่างไร
.
โดยข้อเท็จจริง บ้านเมืองของเราบอบช้ำมาเป็นเวลาสิบปีแล้ว จนเราถอยหลังตามประเทศเพื่อนบ้านไม่ทัน และจะยิ่งบอบช้ำลึกลงไปเรื่อยๆ หากไม่ใช้ความเป็นกลางและความเป็นธรรมเป็นหลักในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
.
ผมขอเรียกร้องและเสนอความเห็นด้วยความสุจริตใจ ขอให้ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองมุ่งมั่น ทุ่มเทกับการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งเป็นหัวใจของปัญหาของชาติเราในขณะนี้อย่างจริงจัง เพื่อนำประเทศกลับมาสู่ความสงบ สันติ ปรองดองสามัคคีกัน ด้วยการแก้ไขปัญหาไปทีละเปลาะ ดังนี้
.
1.เรื่องใดที่เป็นปัญหาการเมืองก็แก้ด้วยการเมือง ซึ่งในอดีตก็แก้ได้สำเร็จมาแล้ว
.
2.เรื่องใดเป็นคดีทุจริต หรือคดีร้ายแรง ก็ดำเนินคดีไปตามกระบวนการยุติธรรม
.
3. เรื่องใดในอดีตที่การดำเนินการไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรมก็ดำเนินการเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับความเสียหายได้กลับคืนเป็นปกติ
.
ผมมั่นใจว่า ไม่เกินความสามารถของผู้ที่อาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ถ้าตั้งใจที่จะดำเนินการให้เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ โดยเฉพาะเป็นประโยชน์กับกับอนุชนรุ่นหลังที่จะไม่ต้องมารับมรดกความขัดแย้งส่งต่อไปสู่ลูกหลานของเราไม่สิ้นสุด ซึ่งควรจะจบในยุคเรา สมัยเราได้แล้ว
.
ชวลิต วิชยสุทธิ์
รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top