พบปัญหาเด็กวัยรุ่นทำร้ายผู้ปกครองในอังกฤษมีเพิ่มขึ้น

บีบีซีไทย - BBC Thai

พบปัญหาเด็กวัยรุ่นทำร้ายผู้ปกครองในอังกฤษมีเพิ่มขึ้น

สถิติของสำนักงานอัยการในอังกฤษและเวลส์ระบุว่า พ่อแม่ที่ถูกลูกวัยรุ่นทำร้ายมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยรายการวิคตอเรีย ดาร์บีเชียร์ของบีบีซีที่ออกอากาศในอังกฤษ ได้คุยกับครอบครัวที่ประสบปัญหาดังกล่าวและผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานด้านนี้ บีบีซีไทยสรุปประเด็นที่น่าสนใจมาฝากค่ะ

ลุค เด็กชายวัยรุ่นในวัย 13 ปี ทุบตีแม่ของเขาเป็นประจำ นอกจากนั้นยังขู่ ถ่มน้ำลายและปาสิ่งของใส่แม่ หากไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ เขาบอกว่าไม่ได้ทุบตีแบบรุนแรงจนเกินไป เพราะถ้าแรงจนแม่ได้รับบาดเจ็บ แม่จะต้องไปหาหมอหรือถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล ซึ่งก็จะต้องเล่าให้หมอฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ลุคให้เหตุผลว่าที่ทำไปเพราะโกรธ แต่อธิบายไม่ได้ว่าความโกรธมาจากไหน เขาบอกว่ารักแม่ และทั้งเสียใจและไม่ชอบสิ่งที่ตัวเองทำลงไป

แม่ของลุคบอกว่า ลูกชายเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนอายุ 7 ขวบ

ดร. ปีเตอร์ จาคอบส์ นักจิตวิทยาคลินิกที่ทำงานกับครอบครัวที่มีปัญหาดังกล่าวชี้ว่า มีหลายสาเหตุด้วยกันที่เด็กทำร้ายพ่อแม่ ส่วนใหญ่มาจากความต้องการที่จะควบคุมคนรอบข้าง เขาบอกว่าเกิดเหตุแบบนี้เป็นประจำกับหลายครอบครัวที่เขาทำงานด้วย และเนื่องจากคนรอบข้างไม่จัดการกับพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงของเด็ก เด็กจึงเคยชินและทำต่อไป หากผู้ปกครองชินกับพฤติกรรมดังกล่าว ความเป็นผู้ปกครองในชีวิตเด็กก็จะลดถอยลง เขาชี้ว่ามีพ่อแม่อยู่ไม่น้อยเป็นแบบที่คอยเลี่ยง ไม่ต้องการทำให้เกิดสถานการณ์ที่ลูกจะโกรธ ซึ่งหมายความว่าพ่อแม่ยอมทำตามความต้องการของลูก และเมื่อปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็จะกลายเป็นว่าถูกลูกครอบงำ และเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมของลูกที่ต้องการควบคุมสิ่งต่าง ๆ

สถิติเมื่อปีที่แล้วของสำนักงานอัยการระบุว่า ในอังกฤษและเวลส์ มีการดำเนินคดีอาญาเด็กวัยรุ่นอายุระหว่าง 14-17 ปี จำนวน 2,549 คนเรื่องความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านั้น ที่มีเด็กถูกดำเนินคดีเพียง 2,114 คน เด็กที่อายุน้อยที่สุดอายุระหว่าง 10-13 ปี และมีเด็ก 111 คนถูกตัดสินว่ากระทำผิด

ในเขตเวสต์ มิดแลนด์สของอังกฤษ ตำรวจรายงานว่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มีการดำเนินคดีเด็กที่อายุต่ำว่า 18 ปีกรณีทำร้ายพ่อแม่ถึง 200 คดี แต่มีการตั้งข้อหาเพียง 13 คดี แซลลี ซิมป์สัน ผู้บังคับการหน่วยสอบสวนเรื่องความรุนแรงในครอบครัวเผยว่า ท้ายที่สุดผู้ที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่ตัดสินใจไม่เอาความต่อ ทั้งนี้เพราะไม่ต้องการให้ลูกของตัวเองถูกลงโทษ มีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นถึงราว 6 ใน 10 คดี ซึ่งตรงนี้ทำให้ประเมินได้ด้วยว่า มีหลายครั้งที่พ่อแม่ไม่แจ้งตำรวจ และในความเป็นจริง เหตุรุนแรงกรณีลูกทำร้ายพ่อแม่อาจมีสูงกว่านี้

ซาราห์เป็นแม่อีกคนที่ถูกลูกชายวัยรุ่นทำร้ายร่างกายด้วยการผลักและดึง ต่อมาถึงขั้นใช้ไม้คริกเกตตีและใช้มีดหั่นขนมปังข่มขู่ หลังจากที่ซาราห์เอาโทรศัพท์มือถือมาจากลูกชาย โดยเธอไม่คิดว่าลูกชายจะทำรุนแรงถึงขนาดนั้น เธอเล่าว่าในตอนนั้นกลัวมาก ราวกับว่ากำลังเจอหัวขโมยอยู่ในบ้านของตนเอง เธอต้องเย็บแผลถึง 7 เข็ม และลูกชายของเธอถูกจับส่งไปรับการควบคุมความประพฤติ ตอนนี้เขาอยู่ที่บ้านพักเยาวชนในความรับผิดชอบของหน่วยงานบริการสังคม

ส่วนในกรณีของลุค เขาเข้าโครงการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างเด็กวัยรุ่นกับผู้ปกครองเป็นสัปดาห์ที่ 5 โดยมีครอบครัวที่เข้าโครงการนี้ทั้งหมด 5 ครอบครัวแล้ว เชอร์ริล เฮนรี-ลิช ผู้จัดโครงการนี้บอกว่า เด็กวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมทำร้ายพ่อแม่ เป็นปัญหาท้าทายสำหรับพ่อแม่มาก ขณะที่พ่อแม่เองก็อาจรู้สึกอับอายที่จะเล่าให้คนฟังว่า ต้องอยู่ในบ้านกับลูกด้วยความหวาดกลัว เธอบอกว่าเด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ที่เข้ารับการฟื้นฟูในโปรแกรมดังกล่าวนี้ เคยเห็นพ่อแม่ตีกัน ทะเลาะกัน ดังนั้นโครงการของเธอจึงพยายามช่วยให้เด็กเข้าใจถึงพฤติกรรมความรุนแรงของตนและให้กลับมามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อแม่ ลุคบอกว่า ตอนนี้เขารู้สึกว่าใจเย็นขึ้น และไม่โกรธง่าย ๆ นอกจากนั้นยังรู้สึกว่ามีความใกล้ชิดกับแม่มากขึ้น

คาเรน แบรดลีย์ รัฐมนตรีที่รับผิดชอบเรื่องการป้องกันความรุนแรงและการเอารัดเอาเปรียบชี้ว่า ปัญหาลูกทำร้ายพ่อแม่เป็นรูปแบบหนึ่งของปัญหาความรุนแรงในครอบครัวที่คนไม่อยากพูดถึง แต่จำเป็นต้องรณรงค์ให้ผู้คนได้ตระหนักและหาทางป้องกันผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ