0


สภาผู้แทนสหรัฐฯ ลงมติจำกัดการเข้าอเมริกาโดยปลอดวีซ่าหลังเหตุรุนแรงที่ปารีส

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติให้เข้มงวดกับการเข้าประเทศโดยไม่ต้องมีวีซ่าหลังจากการโจมตีที่ปารีส โดยมีมาตรการห้ามสำหรับคนที่เคยเดินทางไปยังอิรักและซีเรียหลังเดือนมีนาคม 2554 เป็นต้นมาไม่ให้มีสิทธิเข้าประเทศสหรัฐฯ โดยปลอดวีซ่า

คนที่เคยไปอิหร่านและซูดานซึ่งเป็นประเทศที่สหรัฐฯ กล่าวหาว่าสนับสนุนการก่อการร้าย ก็ต้องใช้วีซ่าด้วยเช่นกัน

ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกเสนอเข้าสภาโดยได้รับการสนับสนุนจากทำเนียบขาวเพราะด้วยเงื่อนไขที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุโจมตีที่ปารีสสามารถเคยเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า

สภาผู้แทนลงมติ 407 ต่อ 19 เสียง สนับสนุนการแก้ไขข้อกำหนดเรื่องวีซ่าดังกล่าว

"ด้วยความระแวดระวังอย่างยิ่งยวด ตอนนี้เราจะกำหนดให้บุคคลเหล่านั้นต้องยื่นขอวีซ่าและผ่านกระบวนการพิจารณาออกวีซ่าที่มีอยู่ตามปกติ” แคนดิซ มิลเลอร์ ผู้แทนจากพรรครีพับลิกันที่สนับสนุนร่างกฎหมายกล่าว

ปัจจุบันมี 38 ประเทศที่ไม่ต้องใช้วีซ่าในการเดินทางเข้าสหรัฐฯ

ทางการสหรัฐฯ ระบุว่ามีชาวยุโรปราว 5,000 คน จากกลุ่มประเทศที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องใช้วีซ่า และเคยเดินทางไปยังซีเรียและอิรักเพื่อร่วมสู้รบกับกลุ่มสุดโต่งต่างๆ อย่างเช่น กลุ่มที่เรียกว่ารัฐอิสลาม หรือ ไอเอส และถือเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ

หากร่างกฎหมายนี้ผ่านวุฒิสภาและได้รับการลงนามออกมาเป็นกฎหมาย ก็จะทำให้ผู้ที่เดินทางมายังสหรัฐฯ จากประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าจะต้องมีหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกที่มีข้อมูลไบโอเมทริคตั้งแต่เดือนเมษายนปีหน้าเป็นต้นไป

ร่างกฎหมายดังกล่าวยังได้เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าให้แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายและอาชญากรมากขึ้นอีกด้วย

ผู้เสนอตัวสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการจำกัดหนักข้อยิ่งกว่านั้นอีก คือ เสนอให้ห้ามชาวมุสลิมทุกคนเข้าประเทศสหรัฐฯ จนกว่าจะมีการตัดสินใจเป็นอย่างอื่น ซึ่งเขาพูดข้อเสนอนี้หลังเหตุการณ์กราดยิงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากที่แคลิฟอร์เนีย และครั้งนั้นผู้สนับสนุนอิสลามสุดโต่งก็ถูกประณามจากนักการเมืองโดยถ้วนหน้า

# ParisAttacks #USVisa


แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top