“Primary care” การให้ความรู้ผู้ป่วยเพื่อด ูแลตนเองและป้องกันโรค ไม่เน้นการส่งโรงหมอ และการพัฒนาเทคโนโลยี เป็น “ทางออก” ของปัญหาสาธารณสุข จากประสบการณ์ศึกษาโมเดลด้า นสาธารณสุขใน 60 ประเทศของ นพ. Mark Britnell ซึ่งเคยทำงานในหน่วยงานสาธา รณสุขอังกฤษ (NHS) มานาน ก่อนลาออกมาอยู่กับบริษัทที ่ปรึกษาด้านเอกชน เขาเขียนหนังสือ “In Search of the Perfect Health System” จากประสบการณ์ที่ปรึกษาด้าน สุขภาพใน 60 ประเทศทั่วโลก ถามว่าเขาประทับใจประเทศไหน มากสุด เขาบอกมีสามประเทศในแง่ “ความคุ้มทุน” ของงบประมาณด้านสาธารณสุข
อิสราเอลใช้งบด้านสุขภาพ 7.2% ของ GDP แต่ประชากรอายุยืน “life expectancy” 82-83 ปี พอ ๆ กับประเทศในยุโรปหลายแห่งที ่ใช้เงินเยอะกว่านี้ (สวิสเซอร์แลนด์ในงบด้านสุข ภาพ 11.5% ของ GDP) เพราะเน้น “primary care platform” สาธารณสุขมูลฐาน จัดบริการสุขภาพใกล้บ้าน ไม่เน้นส่งไปโรงพยาบาลแพง ๆ เพื่อรักษา แม้จะมีจำนวนโรงพยาบาลต่อปร ะชากรน้อยกว่าค่าเฉลี่ยประเ ทศใน OECD ก็ตาม
สิงคโปร์ใช้งบด้านสุขภาพ 4.6 % ของ GDP (เท่ากับของไทย) 40% ของผู้ป่วยเข้าถึงเวชระเบีย นของตัวเองได้หมด “full access” เรียกว่าประชาชนสิงคโปร์ดูแ ลตัวเองได้ เข้าใจเรื่องสุขภาพของตนเอง “more informed and more empowered” มีการศึกษาและรู้สึกสามารถด ูแลตัวเองได้มาก อายุยืนระดับ 82-83 ปีเหมือนกัน
เกาหลีใต้ พร้อมกับการเติบโตด้านเศรษฐ กิจหลังยุคเผด็จการ เริ่มให้บริการหลักประกันสุ ขภาพถ้วนหน้ามา 12 ปี แต่เพราะเน้นการพัฒนาองค์คว ามรู้และเทคโนโลยีทางการแพท ย์ ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพไม่ส่ง ผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษ ฐกิจอย่างรวดเร็วแต่อย่างใด
ประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 60 ประเทศที่เขาศึกษาหรือไม่ ไม่แน่ใจเพราะยังไม่ได้อ่าน หนังสือ
อิสราเอลใช้งบด้านสุขภาพ 7.2% ของ GDP แต่ประชากรอายุยืน “life expectancy” 82-83 ปี พอ ๆ กับประเทศในยุโรปหลายแห่งที
สิงคโปร์ใช้งบด้านสุขภาพ 4.6 % ของ GDP (เท่ากับของไทย) 40% ของผู้ป่วยเข้าถึงเวชระเบีย
เกาหลีใต้ พร้อมกับการเติบโตด้านเศรษฐ
ประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 60 ประเทศที่เขาศึกษาหรือไม่ ไม่แน่ใจเพราะยังไม่ได้อ่าน
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น