0



เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ “อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์” จากวัยเด็กที่ครูเคยบอกว่าไม่มีวันได้ดี ไปเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้คว้ารางวัลโนเบล
การค้นพบ "คลื่นความโน้มถ่วง" เมื่อเร็วๆนี้นับเป็นการพิสูจน์ว่าทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นจริง นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะผู้นี้เป็นคนนำความก้าวหน้ามาสู่วงการฟิสิกส์โลก แม้แต่นามสกุลของเขายังถูกนำไปใช้เป็นคำเรียกบุคคลที่มีความเฉียวฉลาดเป็นอัจฉริยะ บีบีซีได้รวบรวมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับไอน์สไตน์ มาให้ผู้อ่านได้รู้จักเขามากยิ่งขึ้น
ไอน์สไตน์ ชอบเล่นไวโอลิน เขาเริ่มเล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้มาตั้งแต่เล็ก และใช้ดนตรีเป็นเครื่องช่วยปลอบประโลมใจในยามยาก เขายังเป็นแฟนตัวยงของคีตกวีชื่อก้องโลกอย่าง โมซาร์ท และบาค ในวัยเด็ก ไอน์สไตน์ เคยถูกครูสอนภาษากรีกตราหน้าว่าเป็นเด็กหัวทึบและจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งไอน์สไตน์และครอบครัวเคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาเริ่มหัดพูดและเดินช้ากว่าเด็กทั่วไป ทั้งยังมีปัญหาในด้านการเขียนหนังสือ จนทำให้มีการสันนิษฐานกันว่า ไอน์สไตน์ เป็นโรคดิสเล็กเซีย ซึ่งเป็นความบกพร่องในด้านการอ่าน
เขาสอบเอ็นทรานซ์ไม่ติด และทำงานเป็นเสมียน ซึ่งช่วงนี้เองทำให้เขาได้มีเวลาพัฒนาความคิดใหม่ๆ จนได้ตีพิมพ์ผลงานทางวิทยาศาสตร์ของตนเอง แล้วผันตัวไปทำงานทางด้านวิชาการที่มีผลงานเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เช่นทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป และได้รับรางวัลโนเบลในปี ค.ศ. 1921 หรือพ.ศ. 2464
หลังจากไอน์สไตน์เสียชีวิตลง เหล่านักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาสมองของเขาอย่างละเอียด ทั้งวัดขนาดและชั่งน้ำหนักสมอง แล้วแจกจ่ายชิ้นส่วนสมองของเขาไปทั่วโลก ปัจจุบันสมองที่เหลือส่วนใหญ่ถูกเก็บรักษาไว้ที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ ของสหรัฐฯ
จากการศึกษาพบว่า สมองของไอน์สไตน์มีเซลล์ประสาทหนาแน่นกว่าคนทั่วไป ซึ่งช่วยให้เขาสามารถประมวลข้อมูลได้รวดเร็วกว่าคนอื่น นอกจากนี้ สมองส่วนที่ควบคุมการทำงานด้านความคิดทางคณิตศาสตร์และทักษะด้านมิติสัมพันธ์ก็มีขนาดใหญ่กว่าคนทั่วไปด้วย แต่บางคนก็บอกว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเพียงการคาดคะเน เนื่องจากสมองของคนเรามีขนาดไม่เท่ากัน
ในช่วงที่กองทัพนาซีเยอรมนีเริ่มแผ่ขยายอำนาจนั้นไอน์สไตน์ซึ่งเป็นชาวเยอรมันเชื้อสายยิวเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังแล้ว การอยู่ในเยอรมนีทำให้เขาประสบปัญหาในการทำงานอย่างมาก และตัดสินใจย้ายไปทำงานในสหรัฐฯ
ในเวลาต่อมาเขาได้ถูกกลุ่มผู้สนับสนุนนาซีกล่าวหาว่าเป็นกบฏ และมีการเผาตำราที่ไอน์สไตน์เขียนด้วย ไอน์สไตน์ยังเคยช่วยชาวยิวให้หลบหนีออกจากเยอรมนี แต่ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกผิดที่ตนเองสามารถลี้ภัยและมีชีวิตที่สงบสุข โดยที่ไม่สามารถช่วยเหลือชาวยิวคนอื่นที่อยู่เบื้องหลังได้
ไอน์สไตน์เคยถูกทาบทามให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่สองของอิสราเอล เมื่อปี 2495 โดยทางการอิสราเอลเสนอจะจัดหาสถานที่วิจัยและให้อิสระในการทำงานทางวิทยาศาสตร์แก่เขา แต่ไอน์สไตน์ตอบปฏิเสธไปโดยให้เหตุผลว่าเขาไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ทั้งเรื่องอายุและบุคลิก เพราะการเป็นนักวิทยาศาสตร์ทำให้เขาขาดความสามารถในการรับมือกับคน
มีคำคมจำนวนไม่น้อยที่ผู้คนมักบอกว่าเป็นคำพูดของไอน์สไตน์ อาทิ “if you can't explain something simply, you haven't understood it well enough” (หากคุณไม่สามารถอธิบายสิ่งใดให้ผู้อื่นเข้าใจได้โดยง่าย นั่นหมายความว่าคุณยังไม่เข้าใจมันดีพอ) แต่ความจริงแล้วไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่พิสูจน์ว่าเขาได้เคยกล่าวหรือเขียนข้อความนี้ แต่สิ่งที่ไอน์สไตน์เคยพูดไว้แน่ๆก็คือ “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ เพราะความรู้ยังมีขีดจำกัด แต่จินตนาการอาจครอบคลุมกว้างไกลได้ทั้งโลก กระตุ้นให้เกิดความก้่าวหน้า สร้างจุดกำเนิดของพัฒนาการ”
ส่วนรูปอันโด่งดังคือไอน์สไตน์แลบลิ้น เกิดขึ้นเพราะเจ้าตัวเบื่อที่จะฉีกยิ้มให้ตากล้องที่คอยถ่ายภาพเขาในวันคล้ายวันเกิดปีที่ 71 ซึ่งต่อมาภาพนี้ได้กลายเป็นภาพที่โด่งดังที่สุดของเขา แม้แต่ไอน์สไตน์เองยังสั่งให้อัดรูปนี้แจกจ่ายเพื่อนฝูงด้วย


แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top