0



กลุ่มพระที่มาเรียกร้องเมื่อวานควรมีสิทธิ์แสดงออกและเสนอสิ่งที่ตัวเองเชื่อโดยไม่ถูกขัดขวาง แต่ก็ต้องถูกวิจารณ์ได้ด้วย
นี่เป็นความขัดแย้งในการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ ซึ่งลุกลามมาจากความขัดแย้งทางการเมืองฝั่งฆราวาสที่ต่อสู้กันสองค่ายใหญ่มาร่วมสิบปีแล้ว ผลคือ มวลชนทั้งสองฝ่าย “เหลือง-สลิ่ม vs แดงบางส่วน” ก็พากันมาสนับหนุนพระแต่ละฝ่าย
แต่นี่เป็นเพียงความขัดแย้งเพื่อแย่งชิงอำนาจนำในองค์การปกครองสงฆ์ปัจจุบันที่รวมศูนย์อำนาจไว้ที่สมเด็จพระสังฆราชและมหาเถรสมาคม (ประกอบด้วยสมเด็จพระราชาคณะทั้งโดยตำแหน่งและแต่งตั้งโดยสมเด็จพระสังฆราช) รูปการปกครองนี้เป็นผลจากพรบ.คณะสงฆ์ 2505 สมัยเผด็จการสฤษดิ์ ที่เอารูปแบบอำนาจนิยมมาใช้กับคณะสงฆ์ และยิ่งหนักเมื่อมีการแก้ไขปี 2535 เพิ่มมาตรการลงโทษปรับ-จำคุกผู้ที่ “ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายสมเด็จพระสังฆราช” และผู้ที่ “ใส่ความคณะสงฆ์ให้เกิดความเสื่อมเสียหรือแตกแยก” ซึ่งก็คือ ห้ามวิพากษ์วิจารณ์คณะสงฆ์
เสื้อแดงบางส่วนก็เฮโลเข้าไปสนับสนุนกลุ่มพระที่มาเรียกร้องเพียงเพราะเชื่อว่า พระฝ่ายนี้ “เป็นพวกเดียวกัน” หรือเพียงเพราะอารมณ์เกลียดชังอีกฝ่ายหนึ่งชนิดเข้ากระดูกคือ พุทธอิสระ โดยไม่พิจารณาปริบทของความขัดแย้ง ไม่สนใจข้อเรียกร้องทั้ง 5 ข้อของพระกลุ่มนี้ที่ “ถอยหลังเข้าคลอง ขัดหลักประชาธิปไตย เป็นอำนาจนิยม”
เช่น สามข้อแรกเรียกร้องสถานะพิเศษของพระสงฆ์เหนือรัฐ และข้อห้า ให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ เห็นได้ชัดว่า เกิดจากความเชื่อมั่นในศาสนาของตัวจนไม่แคร์ความรู้สึกของคนศาสนาอื่น และมีแรงจูงใจจากอารมณ์ “เกลียดกลัวอิสลาม” ในหมู่พระและฆราวาสจำนวนหนึ่งเท่านั้น
ทางแก้ปัญหาก็เหมือนฝั่งการเมืองฆราวาสปัจจุบันคือ ต้องปฏิรูปการปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นประชาธิปไตย แยกออกจากสถาบันรัฐโดยเด็ดขาด และต้องตรวจสอบได้ วิจารณ์ได้

0000000



แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top