หยุดยาวสัปดาห์นี้ ผมอ่านหนังสือวิจารณ์เศรษฐกิจจีนเล่มหนึ่งคือ China Crisis เขียนไว้ตั้งแต่ปี 2013 โดยนักเศรษฐศาสตร์อเมริกันที่เข้าไปศึกษาเศรษฐกิจจีน เขาคาดการณ์ไว้ว่าระบบเศรษฐกิจจีนจะ Collapse หรือล่มสลายแบบที่สหภาพโซเวียตเคยเจอ แต่จะกระทบกับโลกใหญ่กว่ามาก เพราะเศรษฐกิจจีนเชื่อมโยงกับโลกค่อนข้างมาก
เขาวิจารณ์ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีน Abused ระบบเศรษฐกิจแบบการตลาดมากเกินไป การเติบโตหลายสิบปีที่ผ่านมาเกิดจากการ Exploited ทรัพยากรธรรมชาติ และแรงงานราคาถูกอย่างหนัก รวมทั้งขนาดประเทศที่ใหญ่โตด้วย จีนเลยเผลอคิดว่า ระบอบ ทุนนิยมโดยรัฐ แบบ Command Economy นั้นคือการค้นพบทฤษฏีทางเศรษฐศาสตร์ครั้งใหญ่
เมื่อจีนเปิดประเทศใช้ระบบตลาด ขนาดของประเทศที่ใหญ่ ย่อมทำให้การเติบโตดูเหมือนใหญ่โตไปด้วย แต่เมื่อเทียบประสิทธิภาพของการเติบโตต่อประชากรนั้นสู้ เกาหลีใต้ กับไต้หวันไม่ได้ แต่"ขนาด" หลอกตาทุกคน เพราะจีดีพีรวมนั้นใหญ่ แต่ต่อหัวประชากรนั้นเล็ก
เมื่อใช้ Command Economy แบบที่พรรคคอมมิวนิสต์เคยชิน ก็จะไปบิดเบือนกลไกตลาดอย่างมาก ละเมิดหลักการพื้นฐานของระบบตลาดคือ หลักการของ Demand/Supply บิดเบือนกลไกราคา ทำให้หน้าที่พื้นฐานที่สำคัญที่สุดของ Price ที่เป็นระบบการจัดสรรทรัพยากรสังคม โดยราคาจะทำหน้าที่เป็น Signal บอกผู้ผลิตว่าต้องผลิตสินค้าอะไร จำนวนเท่าใด และราคาจะบอกผู้บริโภคเช่นกันว่าสินค้าใด ทรัพยากรกำลังไม่เพียงพอ ควรลดการบริโภคลง แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้อำนาจเด็ดขาดแทรกแซงกลไกตลาดแบบระบบ Command Economy บิดเบือนระบบพื้นฐานนี่ทุกอย่าง มีการแทรกแซงมาก และการคอรับชั่นของจีนนั้นสูงมาก
เพื่อสนับสนุนให้ตัวเลขเศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่สูง พรคคอมมิวนิสต์จีนก็สนับสนุนการสร้าง supply ปลอมๆ แบบ Ghost city คือสร้างอาคาร ตึกต่างๆ มากมาย แต่ไม่มีคนมีเงินซื้อเข้าไปอยู่ ต้องปล่อยทิ้งล้างมากมาย แต่ตึกพวกนี้ถูกนับเข้าไปใน GDP ที่เติบโตร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมาด้วย
สุดท้ายสัญญาญที่ส่งออกมาจากตลาดหุ้นสะท้อนความไม่มั่นใจในระบบครับ แต่ถูกปิดสัญญาณไปแล้ว
ปัญหาของจีนไม่ได้อยู่ที่ตลาดหุ้นอย่างเดียว แต่อยู่ที่ การ abused ระบบตลาดแทบทั้งหมด ทำให้กลไกตลาดบิดเบือนในทุกภาคส่วนของระบบเศรษฐกิจ ปัญหาต่างๆ ถูกซ่อนเอาไว้เหมือนระเบิดเวลา ตอนนี้ก็มีแต่การซื้อเวลากันออกไปเรื่อยๆ
พรรคคอมมิวนิสต์จีนเอาเปรียบกลไกตลาด เพื่อการเติบโตในระยะสั้น แต่กลายเป็นระเบิดเวลาในระยะยาว
ระบบเศรษฐกิจการตลาดนั้น จะต้องมาคู่กับระบบการเมืองแบบเสรีนิยม ไม่มีการแทรกแซงกลไกตลาดจนระบบบิดเบี้ยวไปเพราะเมื่อจักรกลทางเศรษฐกิจบิดเบือนจนถึงจุดที่ระบบมันไปไม่ไหว มันจะล้มเหลว Collapsed ในที่สุด
00000
Voranart Sirisubsoontorn บทความนี้ตรงใจดิฉันมาก ในฐานะที่ศึกษาผ่านมหาฯและด้วยตนเองเสมอๆ ระบบที่เติบโตด้วยทุนแบบCapitalismแต่ไม่มีกลไกการตลาดdemand and supply เป็นระบบที่ดิฉันวิเคราะห์เองมาเป็นสิบปีว่านอกเสียจากจะเปลี่ยนไปเป็นประชาธิปไตยเพื่อให้ระบบกลไกการตลาดกับระบบทุนทำงานตามกลไกที่ทั่วโลกยอมรับทำกันมาเท่านั้น จีนจึงจะรอดจากการล้มสลายคล้ายรัสเซีย มิเช่นนั้นโอกาสมีสูง การที่ระบบกลไกการตลาดไม่ทำงานเท่าที่ควรในยุคล่าสุดนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากการบิดเบือนกลไกของรัฐบาลในประเทศประชาธิปไตยเอง หาใช่ความล้มเหลวของCapitalismและMarket and Priceแต่อย่างใด ประเทศระบบประชาธิปไตยในหลายส่วนของโลกได้ผู้นำปกครองที่ไม่เท่าทันเกมต่างๆของกลุ่มคนที่ดิฉันเรียกว่าWizard of the Worldซึ่งเป็นคนกลุ่มที่เฉียบแหลมทางความคิด มีศักยภาพ แต่ขาดความยับยั้งชั่งใจโลภมากเกินไปจนแทบทำลายเศษฐกิจโลก สองหนทางที่ดิฉันมองออกไว้คือผู้นำโลกมหาอำนาจต้องเท่าทันเกมกว่านี้และมีจิตใจทำเพื่อประชาชนของตนมากกว่าปัจจุบันพร้อมทั้งกลุ่มWizard of the Worldต้องชั่งใจให้ได้ว่าระบบเศษฐกิจของโลกพังไม่ได้และสูญเสียความน่าเชื่อถือไม่ได้ เพราะถ้าเป็นเช่นนั่นอาจก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจจนถึงขั้นสู้รบกันในที่สุด อันไม่ก่อประโยชน์แก่ใครเลยรวมทั้งWizard of the Worldเองด้วย อิอิ
Thai Ariyaskun ที่จริงการแสวงหาประโยชน์เป็นเรื่องปกติของระบอบทุนนิยมครับ เพราะในระบอบทุนนิยม กำไรอยู่ที่ไหนมนุษย์ก็ต้องดั้นด้นไปเอาจนได้ ไม่ว่าจะทุกข์ยากขนาดไหนก็ตาม
ปัญหาของโลกในปัจจุบันนี้ โลกเชื่อมโยงกันหมดด้วยระบบสื่อสารต่างๆ แต่ "โลกกลับไม่มีกฎระเบียบและกฎหมายในระดับโลกที่จะเป็น Regulator" คอยควบคุมกำกับบทบาทต่างๆ ในระบบเศรษฐกิจ ดังนั้นโลกจึงยังเป็นเหมือนระบบมือใครยาวสาวได้สาวเอาอยู่ จริงๆ เพราะ "ไม่มีรัฐบาลโลก" นะครับ
เราจะเห็นว่าในระดับประเทศ กลุ่มแสวงหาประโยชน์และเก็งกำไรเหล่านั้น ไม่สามารถใช้วิธีการแบบนั้นได้ เพราะประเทศต่างๆ มีกฎหมายคอยควบคุมกำกับเอาไว้หมด แต่พอออกพ้นพรมแดนประเทศไป กลายเป็นพื้นที่ ที่ไม่มีกฎระเบียบใดๆ ทั้งสิ้น
นั่นคือจุดอ่อนครับ จนกว่าจะมีระบบรัฐบาลโลกที่เข็มแข็งเพียงพอครับ
ปัญหาของโลกในปัจจุบันนี้ โลกเชื่อมโยงกันหมดด้วยระบบสื่อสารต่างๆ แต่ "โลกกลับไม่มีกฎระเบียบและกฎหมายในระดับโลกที่จะเป็น Regulator" คอยควบคุมกำกับบทบาทต่างๆ ในระบบเศรษฐกิจ ดังนั้นโลกจึงยังเป็นเหมือนระบบมือใครยาวสาวได้สาวเอาอยู่ จริงๆ เพราะ "ไม่มีรัฐบาลโลก" นะครับ
เราจะเห็นว่าในระดับประเทศ กลุ่มแสวงหาประโยชน์และเก็งกำไรเหล่านั้น ไม่สามารถใช้วิธีการแบบนั้นได้ เพราะประเทศต่างๆ มีกฎหมายคอยควบคุมกำกับเอาไว้หมด แต่พอออกพ้นพรมแดนประเทศไป กลายเป็นพื้นที่ ที่ไม่มีกฎระเบียบใดๆ ทั้งสิ้น
นั่นคือจุดอ่อนครับ จนกว่าจะมีระบบรัฐบาลโลกที่เข็มแข็งเพียงพอครับ
Thai Ariyaskun จีนลดค่าเงินหยวน 2 วันติดกัน เกือบ 4% มันชัดเจน หากมองจากภาพรวม ไม่ใช่ด้านการเงินหรือตลาดหุ้นอย่างเดียว มันเกิดร่องรอยของรอยร้าว แล้ว จากปัญหารากฐาน ที่ผมว่าไว้ข้างบน
ตลากหุ้น หรือค่าเงิน เป็นอาการที่เกิดขึ้น สมมติฐานของโรคมันอยู่ที่ตัวระบบเศรษฐกิจที่บิดเบี้ยวของจีนนั่นเอง ที่มันแสดงอาการออกมา
ตอนนี้ก็ได้แต่อุดรอยรั่วตรงโน้น ตรงนี้ จะอุดทันหรือไม่เท่านนั้นเอง
ตลากหุ้น หรือค่าเงิน เป็นอาการที่เกิดขึ้น สมมติฐานของโรคมันอยู่ที่ตัวระบบเศรษฐกิจที่บิดเบี้ยวของจีนนั่นเอง ที่มันแสดงอาการออกมา
ตอนนี้ก็ได้แต่อุดรอยรั่วตรงโน้น ตรงนี้ จะอุดทันหรือไม่เท่านนั้นเอง