เอ็นจีโอไทยส่วนหนึ่งเกิดจากพวกคนเดือนตุลา พอป่าแตก พคท.ล่มสลาย แต่ยัง "เมาค้าง" เรื่อง "เกลียดทุนนิยม ต่อต้านต่างชาติ" อยู่ เลยผันตัวเองมาทำเอ็นจีโอยุคแรก "เสียสละเพื่อมวลชน" "ช่วยเหลือชาวบ้าน" ปลาย 2520-30
ช่วงแรกก็ทำด้วยอุดมการณ์ วิ่งเต้นหาทุนจากมูลนิธิตปท.มาตั้งองค์กร ทุ่มเททำงานอย่างยากลำบาก ยุค 2530-40 ขบวนการเอ็นจีโอเติบใหญ่ มีเสียงดัง มีพลังสามารถต่อต้านโครงการของรัฐ ทั้งเขื่อน พลังงาน เหมืองแร่
เผด็จการจึงเห็นความสำคัญ ส่งคนอย่างประเวศ อานันท์ ไพบูลย์ วีระ สุเมธ กลุ่มหมอ เข้ามาสนับสนุน สร้างสัมพันธ์ จนกลายเป็น "ปูชญียบุคคล" ให้เอ็นจีโอกราบไหว้ จัดตั้ง "เอ็นจีโอสีน้ำเงิน" มาร่วมงาน ออกกฎหมายตั้งกองทุน สสส. ไว้เป็นบ่อล่อปลา ขุนเลี้ยงพวกเอ็นจีโอกลุ่มใหญ่อย่างอิ่มหนำอ้วนพี ไม่ต้องไปง้อขอเงินมูลนิธิต่างชาติให้เหนื่อยยากอีกต่อไป
คนที่เด่นหรือเป็นแกนนำก็จับมา "ขึ้นวอ" ซะ ให้ยศตำแหน่ง เอามาเป็นที่ปรึกษา เป็นกรรมการในหน่วยราชการ ให้เป็นวุฒิสมาชิก พอมีรัฐประหาร ก็ตั้งเป็นกรรมการและสภาลากตั้งสารพัดชุด
เอ็นจีโอมากมาย "หารับประทาน" กับสสส.เงินภาษีจากรัฐบาลมายาวนาน กระทั่งถูกต่างชาติเขาล้อเลียนว่า เอ็นจีโอไทยไม่ใช่ "Non-Government Organizations (NGO)" แต่เป็น "องค์กรรับเงินรัฐบาล (Government-Funded Organizations -- GFO)!!
การที่เอ็นจีโอจำนวนมากในปัจจุบัน สนับสนุนรับใช้เผด็จการรัฐประหาร เกลียดชังนักการเมือง ตั้งหน้าตั้งตาบ่อนทำลายการเมืองแบบเลือกตั้งอยู่ทุกลมหายใจ เหล่านี้จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หรือเป็นเรื่องส่วนตัวของเอ็นจีโอแต่ละคน
เอ็นจีโอมากมาย "หารับประทาน" กับสสส.เงินภาษีจากรัฐบาลมายาวนาน กระทั่งถูกต่างชาติเขาล้อเลียนว่า เอ็นจีโอไทยไม่ใช่ "Non-Government Organizations (NGO)" แต่เป็น "องค์กรรับเงินรัฐบาล (Government-Funded Organizations -- GFO)!!
การที่เอ็นจีโอจำนวนมากในปัจจุบัน สนับสนุนรับใช้เผด็จการรัฐประหาร เกลียดชังนักการเมือง ตั้งหน้าตั้งตาบ่อนทำลายการเมืองแบบเลือกตั้งอยู่ทุกลมหายใจ เหล่านี้จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หรือเป็นเรื่องส่วนตัวของเอ็นจีโอแต่ละคน