Mueanmas Chompoo Boonngork 
หนูเกิดไม่ทันอะค่ะ ได้ยินคำว่าปฏิรูปแบบเบาๆหลังรัฐประหารปี 49 ต่อมาก็ปี 53 ตอนนั้นยังเด็ก อยู่มัธยมอยู่เลย แล้วก็ดังสุดที่ผ่านมา ได้ยินจังๆจากหูตัวเองก็สมัยลุงกำนัน เมื่อ 2 ปีที่แล้วเอง
ขอยก point เรื่องที่ทุกคณะปฏิรูปคิดเหมือนกันทุกอัน เท่าที่ตัวเองสังเกต คณะปฏิรูปที่หนูเกิดทัน มักจะพูดและย้ำอยู่ทุกวันว่า เราปฏิรูปเพื่อ "ความสามัคคีของคนในชาติ ความรักชาติ ลดความแตกแยก" ยังจำลุงสนธิบังพูดได้ตอนปี 49 อยู่เลย ไม่กี่ปีลุงตู่ก็อ้างสิ่งนี้ ซึ่งดูจะเป็น priority ที่ได้ยินบ่อยมากหลังจากเกิดวิกฤตและความรุนแรงทางการเมืองทุกครั้ง
แต่ ... ถามว่าทำไมหลังจากปี 49 (นับจากอันที่หนูรับรู้) ทำไมมันยิ่งทำให้คนในชาติแตกแยกหล่ะคะ? ทั้งๆที่ทุกรัฐบาลพยายามยกข้อนี้เป็นสิ่งสำคัญตลอด? เรากำลังเดินหน้ามาผิดหรือเปล่า? เรากำลังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ว่าปฏิรูปเพื่อการปรองดอง คือการที่ต้องเห็นพ้องต้องกัน ไม่มีความคิดแตกต่าง ทุกคนต้องคิดเหมือนกันหมด?
ส่วนตัวเท่าที่ดูจากรัฐบาลปัจจุบัน ดูจะยกเรื่องความปรองดองอันดับหนึ่ง (จากปากที่ลุงพร่ำอยู่ทุกวันศุกร์) เรื่องความสามัคคี ความรักชาติ แต่ถามว่าถ้าเราเอาข้อนี้เป็น goal ของประเทศอันนึง ที่ทำอยู่นี่เรามาถูกทางหรือเปล่า?
หนูไม่รู้นะคะ ว่าผู้ใหญ่รุ่นลุงตู่เขาคิดอะไรกัน แต่ส่วนตัวคิดว่า ท่านผู้นำต้องเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ก่อน ว่ามันมีความแตกต่างทางความคิดอยู่เสมอ จะให้คิดเหมือนกันตลอดคงไม่ได้ ถ้า 1st priority ของการปฏิรูปทุกอันคือเพื่อความสามัคคี ความกลมเกลียว ลดความแตกแยก มันคงทำไม่ได้โดยการห้ามพูด ห้ามแสดงความคิดเห็น ทุกที่ ทุกคน ไม่มีใครคิดเหมือนกันหมด ทุกคนล้วนแต่มีความต่าง แต่สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ในความต่าง เคารพซึ่งกันและกัน ถึงจะเดินหน้าปฏิรูปและสำเร็จตาม main goal ที่ทุกคณะปฏิรูปพยายามทำต่างหาก
การเข้าใจสังคมและธรรมชาติของมนุษย์ต่างหากที่อาจช่วย ควรจะส่งเสริมให้ยอมรับความเห็นต่างทางความคิดมากกว่า มีการเปิดพื้นที่ และ Freedom of expression (อันนี้หนูคงหวังมากไป) อย่าปิดกั้นความคิดมนุษย์
การปฏิรูปคงไม่มีวันเสร็จค่ะ เพราะคณะปฏิรูปไม่ได้เป็นเจ้าของประเทศนี้แค่คนเดียว การปฏิรูปต้องใช้เวลาและฟังคนอื่นด้วย ตรงนีต่างหากที่สำคัญ ทีมลุงตู่ควรทบทวนเรื่องนี้คนแรกเลยค่ะ


 
Top