แอมเนสตี้ฯ กับความความเคลื่อนไหวหนุนการค้าบริการทางเพศเป็นสิ่งถูกกฎหมาย
เมื่อเร็วๆ นี้ แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล ตกเป็นเป้าถูกวิจารณ์จากสื่ออย่าง นสพ.เดอะการ์เดียน และกลุ่มผู้หญิง รวมทั้งดาราดังอย่างเมอริล สตรีพ เอ็มมา ธอมพ์สัน และเคท วินสเล็ต หลังจากร่างข้อเสนอแผนนโยบายรั่วไหลออกมาก่อนการประชุมใหญ่ในวันนี้ (11 ส.ค.) เพื่อตัดสินใจว่าองค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งนี้ จะสนับสนุนให้การค้าประเวณีเป็นสิ่งถูกกฎหมายหรือไม่
เนื้อหาในข้อมูลที่รั่วไหลออกมาระบุว่า แอมเนสตี้ฯ ให้เหตุผลว่าการกำหนดให้สิ่งนี้ถูกกฎหมาย "ยึดโยงอยู่กับหลักสิทธิมนุษยชนที่ว่าการที่ผู้ใหญ่มีเพศสัมพันธ์โดยยินยอมกันทั้งสองฝ่ายควรได้รับการคุ้มครองจากแทรกแซงของรัฐ ตราบใดที่ไม่มีการใช้ความรุนแรง ละเมิดสิทธิเด็ก หรือมีพฤติกรรมผิดกฎหมายอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง
ฝ่ายที่เห็นด้วยชี้ว่าจะช่วยลบมลทินและทำให้ผู้ค้าบริการทางเพศสามารถจะร้องขอความช่วยเหลือจากตำรวจได้ง่ายขึ้นหากต้องการความคุ้มครองจากการถูกทำร้าย นอกจากนี้ยังจะกระตุ้นให้ผู้ค้าบริการทางเพศเจรจาตกลงกับลูกค้าได้ในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
มีผู้สนับสนุนแนวคิดนี้หลายกลุ่มรวมทั้ง Durbar กลุ่มตัวแทนผู้ค้าบริการทางเพศในอินเดีย ขณะที่ประเทศอย่างเยอรมนี นิวซีแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ กำหนดให้การค้าบริการทางเพศเป็นสิ่งถูกกฎหมาย
เยอรมนีให้เหตุผลว่าเพื่อทำให้การค้าบริการทางเพศเป็นอาชีพ ผู้ขายบริการสามารถเข้าถึงสวัสดิการอย่างประกันสุขภาพและบำนาญได้เหมือนงานอาชีพอื่น ๆ
เยอรมนีให้เหตุผลว่าเพื่อทำให้การค้าบริการทางเพศเป็นอาชีพ ผู้ขายบริการสามารถเข้าถึงสวัสดิการอย่างประกันสุขภาพและบำนาญได้เหมือนงานอาชีพอื่น ๆ
แต่ฝ่ายที่คัดค้านบอกว่ามีผู้ค้าบริการทางเพศเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำเช่นนั้นได้ นอกจากนี้ยังเท่ากับส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวทางเพศ และการค้ามนุษย์เพื่อให้มีจำนวนโสเภณีเพียงพอความต้องการ
สื่ออย่าง Der Spiegel เคยรายงานด้วยว่าผู้หญิงที่เข้าไปค้าบริการทางเพศในเยอรมนี สุดท้ายแล้วก็ลงเอยด้วยการเข้าไปอยู่ในวังวนเครือข่ายอันตรายที่ไม่สามารถหลุดพ้นออกมาได้ ขณะที่กลุ่มต่อต้านการค้าผู้หญิงยืนยันว่าฝ่ายที่ได้ประโยชน์แท้จริงคือ “แมงดา”
บรรดาองค์กรสตรีและกลุ่มรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ คัดค้านท่าทีของแอมเนสตี้ฯ เพราะเห็นว่าผู้ค้าบริการทางเพศเป็นเหยื่อ และการค้าบริการทางเพศกับการค้ามนุษย์เป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก พวกเขาเห็นว่าวิธีที่ควรทำคือจัดการกับผู้ซื้อบริการด้วยการกำหนดโทษปรับรุนแรง หรือจำคุก โดยไม่ต้องยุ่งเกี่ยวอะไรกับผู้ค้าบริการทางเพศ วิธีนี้จะช่วยลดอุปสงค์ได้ อย่างที่สวีเดน ไอซ์แลนด์ แคนาดา นอร์เวย์ และไอร์แลนด์เหนือ กำลังทำอยู่ ขณะที่สภาสหภาพยุโรปเองก็ต้องการให้ชาติสมาชิกอื่นๆ ดำเนินตามแนว “Nordic medel” นี้
อย่างไรก็ดี ดร.เจย์ เลวีย์ ซึ่งศึกษาเรื่องนี้บอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในสวีเดนคือการผลักให้การค้าประเวณีกลายเป็นสิ่งลี้ลับและเพิ่มความเสี่ยงให้ผู้หญิงมากขึ้น เพราะเมื่อถือว่าลูกค้าเป็นผู้กระทำผิด คนเหล่านี้ก็จะไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้ติดตามได้
ฝ่ายที่สนับสนุนและคัดค้านการกำหนดให้การค้าประเวณีเป็นสิ่งถูกกฎหมายต่างให้เหตุผลว่าเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนของผู้ค้าประเวณี และต่างมีแนวทางที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายไม่เหมือนกัน แต่คงเป็นไปไม่ได้แน่ที่แนวทางของสองฝ่ายจะถูกต้องทั้งคู่