พานทองแท้ ชินวัตร ประกาศให้รางวัลนำจับมือระเบิดราชประสงค์ 7 ล้านบาท ชี้อย่าโยนความผิดเป็นฝีมือคนไทย ด้านโฆษก คสช.เตือนผู้ใช้สื่อโซเชียลอย่าสร้างความสับสนในสังคม ขณะที่ความคลุมเครือในการสอบสวนผลักให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียควานหาข้อมูล
เฟซบุ๊กของผู้ที่ใช้ชื่อว่า Oak Pantongtae Shinawatra เผยแพร่ข้อความระบุว่านายพานทองแท้ ได้ขออนุมัติจากบิดาให้สนับสนุนเงินรางวัลนำจับผู้ก่อเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ จำนวน 7 ล้านบาท เพื่อสมทบกับเงินรางวัลนำจับที่ตำรวจได้เพิ่มขึ้นมาจาก 1 ล้านบาท เป็น 3 ล้านบาท รวมเป็น 10 ล้านบาท
เฟซบุ๊กดังกล่าวระบุว่าเงิน 7 ล้านบาทดังกล่าวจะแบ่งให้กับผู้ให้เบาะแส 2 ล้านบาท และอีก 5 ล้านบาท ให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการสืบสวนจับกุมครั้งนี้
นอกจากนี้เนื้อหาในเฟซบุ๊ก Oak Pantongtae Shinawatra ยังระบุด้วยว่าการหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษจะต้องทำอย่างตรงไปตรงมาและตามข้อเท็จจริง แต่การที่ยังไม่ทันสืบสวนแต่โยนความผิดว่าเป็นฝีมือคนไทยที่ทำไปเพราะเสียประโยชน์ทางการเมืองนั้นถือว่าสร้างความแตกแยกในหมู่คนไทยและสมควรประณาม
ในวันเดียวกันนี้ ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จับตัวผู้ต้องสงสัยที่ด่าน ตม. ชายแดนอรัญประเทศ จ. สระแก้ว แต่ปล่อยตัวไป โดยชายคนดังกล่าวมี “ใบหน้าคล้ายคลึง”กับผู้ต้องสงสัยที่มีภาพอยู่ในซีซีทีวี ที่สื่อหลายสำนักรายงานไปในทำนองเดียวกันว่าดูคล้ายชาวอาหรับ ซึ่งชายที่เจ้าหน้าที่จับกุมก่อนปล่อยตัวไปในวันนี้ถูกระบุว่ามีทรงผมผู้ต้องสงสัยในซีซีทีวี แต่ชายคนนี้เป็นชาวเกาหลี ชื่อ นายคิม ซึง กวัง วัย 47 ปี และมีเป้าหมายการเดินทางไปยังปอยเปต ประเทศกัมพูชา
ด้าน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ยังไม่มีข้อมูลตามที่เดอะไทมส์ รายงานว่าตำรวจได้แสดงภาพบุคคลชื่อ นายมูฮัมหมัด มูเซยิน ให้พยานได้เห็น และพยานเห็นว่าหน้าคล้ายบุคคลในซีซีทีวี
ในขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการจับกุมผู้ต้องสงสัย ความต้องการรับรู้ข่าวสารกลายเป็นตัวผลักให้สื่อและผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ควานหาข้อมูลอย่างต่อเนื่อง มีการเผยแพร่คลิปใหม่ที่ระบุว่าเกี่ยวข้องกับผู้ต้องสงสัย และมีความพยายามชี้ตัวผู้ต้องสงสัยรายใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
ด้านปฏิกิริยาจากทางรัฐบาล บ่ายวันนี้ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงในเชิงปรามว่า “ขอแจ้งให้ทราบว่านอกเหนือจากการสืบสวนคดีแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามจับกุมผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลทางสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะผิดกฎหมาย จนทำให้สังคมเกิดความสับสนหรือตื่นตระหนก”
พ.อ.วินธัย ระบุว่าตำรวจสอบสวนคดีมีความคืบหน้าแต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เพราะจะส่งผลต่อรูปคดี ขณะที่หลายหน่วยงานประเมินแล้วว่าผู้ก่อเหตุต้องการมุ่งให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว รวมทั้งภาพลักษณ์ของประเทศ