0

ภาพสะท้อนกรณีม็อบพระ-จุลเจิม พุทธอิสระ ไพบูลย์ คือเรื่องเศร้า ประเทศไทยไร้สติได้ถึงเพียงนี้ จากการปลุกความเกลียดชังม็อบต่างสี "โค่นทักษิณ" คราวนี้เบนเป้ามา "โค่นสมเด็จช่วง" โดยไม่เลือกวิธีการ ทั้งที่ข้อเสนอให้ปฏิรูปศาสนา ตรวจสอบพระ ตรวจธรรมกาย เป็นข้อเสนอที่ดี แต่ภาพที่สร้างขึ้นคือ เกลียดทักษิณ=เกลียดเสื้อแดง=เกลียดธรรมกาย=เกลียดสมเด็จช่วง=เกลียดพระรับจ้างม็อบ โดยไม่ต้องแยกแยะอะไรกัน แน่ละเสื้อแดงที่เฮโลเชียร์พระแบบไร้จุดยืนก็ควรด่า แต่ที่ตกต่ำถึงขีดสุดคือพวกคนดีคนพุทธ ที่หัวร่อกิ๊กกั๊กเมื่อจุลเจิมเสนอให้เอาหมอนวดไปปราบพระ นี่คือประเทศด้อยการศึกษา แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คนชั้นต่ำ ปัญหามันอยู่ที่คนมีการศึกษาต่างหาก ยิ่งเรียนยิ่งเบาปัญญา
สังเวชว่ะ แต่เอาเหอะ เดี๋ยวประยุดก็มารับเผือกเผา พวกจะเอาสมเด็จช่วงลงให้ได้ จะอ้างรถโบราณผิดกฎหมาย ขณะที่พวกพระก็เก็บกดน้อยเนื้อต่ำใจมานาน เตรียมไว้เลย ทั้ง พ.ร.บ.ชุมนุม ม.44 รถถัง รถฮัมวี่ เรือดำน้ำ ดูซิ พระจะกลัวไหม

00000

ใบตองแห้ง

“ม็อบพระ” ที่พุทธมณฑลสะท้อนความไร้สติไร้เหตุผลจนถึงจุดต่ำสุดของสังคมไทย
เปล่า ไม่ใช่แค่คลิปพระตะลุมบอนทหาร แต่รวมถึงท่าทีทุกฝ่าย ทหารถามพระ “เขาจ้างมาเท่าไหร่” กองเชียร์ 2 ข้างทั้งในสื่อและโลกโซเชียล กระพือเป็นการเมืองเสื้อสี ปลุกความเกลียดชังทำลายฝ่ายตรงข้ามโดยไม่เลือกวิธี
ผู้มีชื่อเสียงรายหนึ่งเสนอให้ใช้ทหารหญิง หมอนวด โคโยตี้ สลายม็อบพระ พร้อมกับตัดเสบียงอาหาร หลังเที่ยงส่งแม่ค้าไปขายไก่ย่าง ฯลฯ ก็ยังมีคนกดไลค์กดแชร์เป็นพันๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย
อันที่จริงข้อเรียกร้องของพระก็เหลวไหล “พุทธเป็นศาสนาประจำชาติ” ขัดหลักประชาธิปไตยซึ่งให้เสรีภาพในการนับถือศาสนา หรือห้ามรัฐก้าวก่ายสงฆ์ ทั้งที่มหาเถรสมาคมเป็นองค์กรของรัฐ มียศถาบรรดาศักดิ์ ใช้อำนาจรัฐจัดการกับพระเสียเอง
เพียงแต่ในความเป็นจริง ก็รู้กันว่า ประเด็นสำคัญที่ “ม็อบพระ” ต้องการคือให้รัฐบาลเร่งทูลเกล้าฯ ตั้งสมเด็จวัดปากน้ำเป็นสมเด็จพระสังฆราช ตามมติมหาเถรสมาคม หลังโดนกลุ่มการเมืองที่เคยตั้งกรวยปิดถนนปิดเมืองล้มเลือกตั้ง ทั้งพระทั้งคนออกมาขวาง โดยใช้ท่าทีรุนแรง ปลุกความเกลียดชัง หวังพึ่งอำนาจ คสช.สกัดกั้น “สมเด็จช่วง” ทุกวิถีทาง
ว่าตามเนื้อหา ข้อเรียกร้องของพุทธอิสระ ไพบูลย์ นิติตะวัน ที่ให้ “ปฏิรูปพุทธศาสนา” ตรวจสอบทรัพย์สินพระ ตรวจสอบ “ลัทธิจานบิน” ฯลฯ ก็สอดคล้องกับคนจำนวนมากโดยไม่แยกสี แต่กลับทำให้มีสี จนต้องถามว่านี่ต้องการปฏิรูปศาสนาจริง หรือใช้เป็นข้ออ้างเพื่อพลิกขั้วอำนาจในวงการสงฆ์
ความชอบไม่ชอบ ความลุ่มหลง การวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งคำสอนและการปฏิบัติของวัดธรรมกาย ไม่ใช่เรื่องเสื้อสี แม้วัดธรรมกายดูจะมีความสัมพันธ์อันดีกับทักษิณ แม้พระบางรูปเคยเคลื่อนไหวกับเสื้อแดง แม้เสื้อแดงบางส่วนเข้าไปร่วมเคลื่อนไหวกับพระ แต่โดยสาระ นักอุดมคติประชาธิปไตยก็ขัดแย้งกับพระที่เรียกร้อง “ศาสนาประจำชาติ” เรียกร้องให้จำกัดกีดกันศาสนาอื่น รวมทั้งวิพากษ์ธรรมกายกันเนืองๆ
แต่ความขัดแย้งครั้งนี้ถูกทำให้เลอะเทอะเปรอะเปื้อน ธรรมกาย=เสื้อแดง=แก๊งหนุนสมเด็จช่วง=สมุนทักษิณ เป็นแท่งเดียวกัน แล้วก็โหมความเกลียดชัง “โค่นล้มสมด็จช่วง” ราวกับ “โค่นล้มทักษิณ” ทำอย่างไรก็ได้เพื่อล้มมติมหาเถรสมาคม ขณะที่เสื้อแดงบางคนก็ไม่น้อยหน้า ปลุกมวลชนที่เกลียดไพบูลย์ เกลียดพุทธอิสระ ฐานขัดขวางเลือกตั้ง ให้มาช่วยกันเชียร์พระ
เลอะเทอะ หน้ามืดตามัวกันหมด กระทั่งคนมีศักดิ์ฐานะ คนมีการศึกษา คนที่เคยให้สติปัญญาสังคม
อย่าแปลกใจที่ประเทศหาทางออกไม่ได้ ร่างรัฐธรรมนูญไม่มีทางลง เพราะสังคมไทยเตลิดเปิดเปิงจนไร้เหตุผล คนยกร่างก็ไม่มีเหตุผล แล้วยังบอกว่าคนเสนอความเห็นต้องมีเหตุผล
ที่บอกว่าการศึกษาไทยตกต่ำ สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ก็ไม่ใช่คนชั้นต่ำไร้การศึกษา แต่คนมีการศึกษานี่แหละเบาปัญญา
ส่วนปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องพระก็ให้ คสช.กุมขมับรับเผือกร้อนไปเถอะ DSI บอกว่ารถสมเด็จช่วงนำเข้าผิดกฎหมาย พวก “โค่นล้ม” คงตีปี๊บดีใจกันใหญ่ แต่พระคงไม่พอใจ เพราะสั่งสมความรู้สึกว่าถูกกีดกันไม่ได้รับความยุติธรรมมานาน เดี๋ยวถ้ามีม็อบพระมาใหม่ ก็งัด ม.44 พ.ร.บ.ชุมนุม รถถัง รถฮัมวี เรือดำน้ำ ไปจัดการ ดูซิว่าจัดระเบียบพระได้ไหม


source :-  FB Atukkit Sawangsuk & http://www.kaohoon.com/online/content/view/31704


แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top