
คนสิงคโปร์ยังนิยมพูด “ซิงลิช”ภาษาอังกฤษตามแบบฉบับตัวเอง
รัฐบาลสิงคโปร์มีนโยบายมาเป็นเวลายาวนานว่า พลเมืองของตนต้องพูดภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้นอังกฤษจึงเป็นภาษาที่ใช้ในโรงเรียน ที่ทำงาน และเป็นภาษาทางการ ทว่าคนสิงคโปร์ไม่น้อยเลือกพูด “ซิงลิช” ภาษาอังกฤษตามแบบฉบับของตัวเองที่ฟังดูมีสีสันและฉับไว อย่างหากมีใครตั้งคำถามว่าทานข้าวหรือยัง คำตอบแบบ “ซิงลิช” ก็จะเป็น “Eat already” หรือการต่อสร้อยลงท้ายประโยคด้วยคำว่า “Lah” อย่างที่เคยได้ยินกัน
การพูดภาษาอังกฤษแบบสิงคโปร์เริ่มมีมาตั้งแต่ช่วงที่สิงคโปร์ได้รับเอกราชเมื่อ 50 ปีที่แล้ว รัฐบาลตัดสินใจกำหนดให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางที่ใช้ในหมู่ชนหลายชาติพันธุ์ แต่นอกเหนือไปจากการพูดภาษาอังกฤษแบบปกติซึ่งใช้ในโอกาสที่เป็นทางการแล้ว คนที่นั่นยังนำภาษาอังกฤษไปผสมกับคำและไวยากรณ์จากภาษาอื่น จนกลายเป็นซิงลิช ภาษาที่ใช้กันทั่วไปตามท้องถนน
ไวยากรณ์ที่ใช้ในภาษา “ซิงลิช”แทบ จะไม่ต่างจากภาษาจีนกลางหรือภาษามาเลย์ เพียงตัดคำบุพบทออกไป ไม่มีการผันคำกริยา และไม่มีพหูพจน์ ขณะที่คำศัพท์จะสะท้อนรากทางภาษาของชาวสิงคโปร์ที่อพยพมาจากประเทศต่างๆ นอกจากนี้ ยังยืมคำจำนวนมากมาจากภาษาจีนท้องถิ่น ทั้งฮกเกี้ยน กวางตุ้งและอื่น ๆ รวมกับภาษาทมิฬ จากอินเดียตอนใต้ด้วย
แม้จะมีโครงการรณรงค์ Speak Good English กันในโรงเรียน แต่ก็ประสบความสำเร็จเพียงน้อยนิด เพราะ “ซิงลิช” ยังคงเป็นที่นิยม ถึงกับมีการบัญญัติศัพท์ไว้ในพจนานุกรม นักภาษาศาสตร์บางคนศึกษาภาษานี้ นักร้องนักแต่งเพลงยังเป็นคนอีกกลุ่มที่ทำให้ “ซิงลิช” ยังคงอยู่ยั้งยืนยง ขณะที่โลกโซเชียลมีเดียช่วยทำให้ “ซิงลิช” มีวิวัฒนาการถูกนำมาใช้เป็นภาษาเขียน
ในเมื่อ “ซิงลิช” ยังคงใช้กันอย่างแพร่หลาย สิ่งที่โครงการรณรงค์อย่าง Speak Good English ทำได้ก็คือหันมายอมรับการใช้ “ซิงลิช” ควบคู่ไปกับการพูดภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ โดยทั่วไปแล้วคนสิงคโปร์จะพูด “ซิงลิช”กันในหมู่เพื่อนฝูง ครอบครัว หรือใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเรียกรถแท็กซี่หรือไปซื้อของ ส่วนภาษาอังกฤษแบบถูกหลักนั้นใช้ในสถานการณ์ที่เป็นทางการ
ใครที่มีความสามารถสลับการใช้ภาษาอังกฤษแบบสิงคโปร์กับภาษาอังกฤษแบบถูกหลักได้อย่างคล่องแคล่ว จะถูกมองว่าเป็นคนมีการศึกษาและสถานะทางสังคมสูงกว่าคนที่พูด “ซิงลิช” เพียงอย่างเดียว ส่วนคนที่พูดอังกฤษแบบถูกหลักได้อย่างเดียว จะถูกมองว่าค่อนข้างเก๋ไก๋ไฉไลกว่าคนอื่น แต่ก็อาจถูกมองได้เช่นกันว่าไม่ใช่คนสิงคโปร์อย่างแท้จริง