โฆษกสตช. ยอมรับการขาดแคลนอุปกรณ์ที่ทันสมัย เป็นอุปสรรคต่อการเร่งคลี่คลายคดีระเบิดราชประสงค์ แต่ได้ขอความร่วมมือจากต่างประเทศที่เป็นเอกชนแล้ว
วันนี้ (24 ส.ค.) ครบรอบหนึ่งสัปดาห์กรณีเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม บริเวณสี่แยกราชประสงค์ พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทย ถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับเหตุระเบิด โดยบอกว่าไม่ได้มีการตั้งเงื่อนเวลาในการทำงานคลี่คลายคดี แต่ยอมรับว่าอุปสรรคหนึ่งในการทำงานคือการขาดเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย เช่น ภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ได้มานั้น ส่วนใหญ่เป็นภาพจากกล้องของเอกชน นอกจากนั้นทางการยังไม่มีโปรแกรมที่ทำให้ภาพมีความคมชัด โปรแกรมการรู้จำใบหน้า และขาดเครื่องมือที่สนามบินสำหรับตรวจไอระเบิดจากการสัมผัส อย่างไรก็ตามได้มีการขอความร่วมมือจากภาคเอกชนของบางประเทศในการใช้โปรแกรมที่ทำให้ภาพมีความคมชัดและโปรแกรมการรู้จำใบหน้า เพื่อตรวจสอบย้อนหลังไป 2-3 เดือนว่าในการเดินทางเข้าออกประเทศมีบุคคลที่มีลักษณะตรงกับผู้ต้องหาที่ใส่เสื้อสีเหลืองหรือไม่
โฆษกสตช. ชี้ถึงความสับสนของเนื้อหาข่าวในช่วงที่ผ่านมาว่า เกิดจากการแข่งกันทำข่าวของสื่อและข่าวจากสื่อสังคมออนไลน์ที่นำเสนอโดยไม่ได้รับการยืนยันจากทางการ โดยที่ข้อมูลที่สามารถยืนยันได้ตอนนี้คือได้มีการออกหมายจับมือวางระเบิดที่ใส่เสื้อสีเหลืองและทางตำรวจไทยได้ส่งภาพให้ทางตำรวจสากลช่วยแล้ว ทางตำรวจเชื่อว่าผู้ต้องหาไม่น่าจะอยู่ในประเทศแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่สรุปว่าเป็นคนไทย ต่างชาติ หรือคนไทยที่ทำให้ดูเหมือนว่าเป็นคนต่างชาติ คาดว่ามีผู้ร่วมมือด้วยระหว่าง 2-3 คน
ด้านการจุดชนวนระเบิดนั้น ทางตำรวจเชื่อว่าจุดด้วยการใช้โทรศัพท์ เพราะเวลาค่อนข้างแม่นยำ ส่วนชนิดของวัตถุระเบิด สรุปไม่ได้ว่าเป็นทีเอ็นทีหรือซีโฟร์ เพราะเป็นระเบิดที่มีความสมบูรณ์แบบ ไม่หลงเหลือให้ตรวจสอบได้
พล.ต.ท ประวุฒิบอกบีบีซีไทยว่า ขณะนี้ทางตำรวจยังไม่สรุปว่าฝ่ายไหนหรือใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง รวมทั้งยังไม่สรุปถึงมูลเหตุจูงใจ มีเพียงการตั้งทฤษฎีว่าอาจเป็นเรื่องของการก่อความไม่สงบ อาจมาจากความขัดแย้งส่วนตัว หรือต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ต้องการทำลายการท่องเที่ยว แต่ที่ชัดเจนคือต้องการฆ่าประชาชน ไม่ใช่เป็นการข่มขู่ แต่ไม่ใช่เป็นการก่อการร้ายระหว่างประเทศ เพราะไม่เข้าองค์ประกอบของการก่อการร้ายระหว่างประเทศ
ส่วนความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดบริเวณท่าเรือสาทรนั้น ทางตำรวจยังไม่สรุปถึงความเชื่อมโยงอย่างแน่ชัด มีเพียงลักษณะที่เหมือนกันคือ ลักษณะของวัสดุที่ใช้กับตัวสะเก็ดที่ใช้ลูกปืนล้อรถ ตรงนี้ตีความได้ว่าอาจเป็นกลุ่มเดียวกัน แต่ไม่สามารถยืนยันความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดหลายครั้งที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้
โฆษกสตช. ยังบอกว่าด้วยเหตุระเบิดครั้งนี้ทำให้สังคมไทยได้เรียนรู้ว่าระบบความปลอดภัยของไทยหละหลวมมาก ซึ่งรวมถึงระบบการใช้กล้องวงจรปิด และได้เสนอให้ยกเครื่องระบบการดูแลรักษาและความปลอดภัย รวมทั้งการจัดการและบริหารสถานการณ์หลังเหตุระเบิด





 
Top