สหรัฐ “วิตกอย่างยิ่ง” ที่ศาลทหารสั่งจำคุกระยะยาวผู้กระทำความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหรัฐได้แสดงความวิตกดังกล่าวเมื่อวานนี้ (12 ส.ค.) หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาศาลได้พิพากษาให้ชายวัย 48 ปีคนหนึ่ง และผู้หญิงวัย 29 ปีอีกคนหนึ่ง ได้รับโทษจำคุก 30 ปี และ28 ปี ตามลำดับ ภายใต้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งห้ามไม่ให้มีการดูหมิ่นหรือคุกคามราชวงศ์ โดยทนายและกลุ่มเฝ้าระวังทางกฎหมายระบุว่าโทษจำคุกเพราะการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กถือว่าเป็นโทษที่หนักที่สุดเท่าที่เคยมีมาในกรณีความผิดนี้
รอยเตอร์รายงานว่านายมาร์ค โทเนอร์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ระบุในแถลงการณ์ว่าในขณะที่สหรัฐ “ให้ความเคารพอย่างสูงที่สุดต่อราชวงศ์ไทย” แต่สหรัฐก็ “วิตกอย่างยิ่ง” กับการพิพากษาลงโทษดังกล่าว และเห็นว่าไม่ควรมีผู้ใดถูกจำคุกเพียงเพราะแสดงความคิดเห็นของตนเองออกมาอย่างสันติ
นายโทเนอร์ กล่าวด้วยว่าสหรัฐได้ร้องขอทางการไทยอย่างสม่ำเสมอทั้งต่อสาธารณะและไม่เป็นที่เปิดเผย ให้รับประกันว่าการมีเสรีภาพในการแสดงออก ไม่ถือเป็นการกระทำความผิด และจะต้องได้รับการคุ้มครองตามคำมั่นและพันธะสัญญาระหว่างประเทศที่ไทยได้ตกลงไว้
นายโทเนอร์ กล่าวด้วยว่าสหรัฐได้ร้องขอทางการไทยอย่างสม่ำเสมอทั้งต่อสาธารณะและไม่เป็นที่เปิดเผย ให้รับประกันว่าการมีเสรีภาพในการแสดงออก ไม่ถือเป็นการกระทำความผิด และจะต้องได้รับการคุ้มครองตามคำมั่นและพันธะสัญญาระหว่างประเทศที่ไทยได้ตกลงไว้
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โฆษกประจำตัวของข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชน สหประชาชาติ ราวีนา ชัมดาซานี กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กรุงเจนีวาโดยแถลงแสดงความวิตกกับคำพิพากษาลงโทษที่ “เกินพอดี” อย่างน่าตกใจที่ศาลทหารได้ตัดสินไปในกรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหลายคดีในช่วงวันสองวันนี้
โดยคดีแรกคือคดีของนายพงษ์ศักดิ์ ศรีบุญเพ็ง ที่ถูกพิพากษาจำคุก 60 ปี จากการโพสต์เฟสบุ๊ก 6 ข้อความ แต่การรับสารภาพทำให้ได้รับการลดหย่อนโทษลงเหลือ 30 ปี ในวันเดียวกัน ศาลทหารที่เชียงใหม่ ตัดสินจำคุกนางศศิวิมล ปฐมวงศ์ฟ้างาม พนักงานโรงแรมที่โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊ก 7 ข้อความเป็นเวลา 56 ปี แต่เพราะรับสารภาพจึงลดให้เหลือ 28 ปี นอกจากนั้นเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา นายเธียรสุธรรม สุรจิตต์เศรณีถูกศาลทหารในกรุงเทพฯพิพากษาจำคุก 25 ปีจากการโพสต์ข้อความ 5 ข้อความที่ถือว่าเป็นการหมิ่นสถาบันในเฟซบุ๊ก
รอยเตอร์รายงานด้วยว่าการพิพากษาลงโทษดังกล่าวมีขึ้นในห้วงเวลาแห่งความกังวลเกี่ยวกับพระพลานามัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระชนมายุ 87 พรรษา โดยพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก ทรงประทับอยู่ในโรงพยาบาลนับตั้งแต่ทรงเข้าตรวจพระวรกายเมื่อวันที่ 31 พ.ค. และเมื่อวันจันทร์ สำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์ระบุว่าคณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาได้ขอพระบรมราชานุญาตปรับระดับการระบายน้ำในพระสมอง และถวายการรักษาพระอาการพระปัปผาสะอักเสบ
รอยเตอร์รายงานด้วยว่าสหรัฐเป็นพันธมิตรกับไทยมายาวนาน แต่ความสัมพันธ์เสื่อมลงนับตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อเดือน พ.ค.ปีที่แล้ว โดยสหรัฐได้ระงับความช่วยเหลือและยกเลิกความร่วมมือด้านความมั่นคงบางอย่างที่มีกับไทย