อย.ระบุข้อกฎหมายไม่ปิดกั้นการวิจัย 'กัญชา' ทางการแพทย์
Posted: 30 Sep 2016 07:18 PM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
รักษาการรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ระบุ พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ 2522 ไม่ได้ปิดกั้นความก้าวหน้าทางวิชาการเปิดโอกาสให้กับผู้ที่จะศึกษาวิจัย 'กัญชา' ทางการแพทย์ สามารถส่งโครงการศึกษาวิจัยมา อย. เพื่อให้คณะกรรมการฯ พิจารณาและนำเสนอ รมว.สาธารณสุข อนุญาตเป็นราย ๆ ไป จึงจะสามารถดำเนินการวิจัยได้
เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2559 ที่ผ่านมา เว็บไซต์บ้านเมือง รายงานว่าเภสัชกรสมชาย ปรีชาทวีกิจ รักษาการรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่าตามที่มีกระแสข่าวกล่าวถึงกฎหมายที่ใช้ในการควบคุมกัญชาเป็นอุปสรรคต่อการนำกัญชาไปศึกษาวิจัยเพื่อใช้ประโยชน์ ในทางการแพทย์ นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่าตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 กำหนดให้กัญชาอยู่ในกลุ่มยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ ในครอบครอง เว้นแต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะอนุญาต โดยผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ซึ่งกฎหมายฉบับนี้มิได้ปิดกั้นความก้าวหน้าทางวิชาการ โดยได้เปิดโอกาสให้กับผู้ที่จะศึกษาวิจัย สามารถส่งโครงการศึกษาวิจัย (Proposal) มายังกองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษพิจารณา หากคณะกรรมการเห็นชอบโครงการศึกษาวิจัยดังกล่าว จะนำเสนอเรื่องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาอนุญาตเห็นชอบเป็นราย ๆ ไป หลังจากนั้นผู้วิจัยจึงจะสามารถดำเนินการวิจัยเรื่องกัญชาได้ต่อไป ดังนั้น หากหน่วยงานหรือผู้วิจัยใด มีความประสงค์ ในการศึกษาวิจัย โดยใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ ทางการแพทย์ก็สามารถใช้ช่องทางดังกล่าวได้
ทั้งนี้ อย. ขอยืนยันว่าโดยเจตนารมณ์ของกฎหมายมิได้ขัดขวางการนำกัญชาไปใช้ในการศึกษาวิจัยซึ่ง อย. เองในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลมีแนวนโยบายในการส่งเสริมผลงานนวัตกรรมทางการแพทย์อยู่แล้ว เพื่อประโยชน์ของประชาชนที่จะได้ยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาอันจะนำไปสู่ความก้าวหน้าในวงการแพทย์ต่อไป รักษาการรองเลขาธิการ อย.กล่าว
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น