ทนาย “อาเด็ม คาราดัก” เผยคดีระเบิดราชประสงค์ขึ้นศาล 12 พ.ย. ชี้ลูกความพูดถึงเหตุรุนแรงทางการเมืองในซินเจียงระหว่างอุยกูร์กับรัฐบาลจีนปี 2552 แต่อีกด้านหวาดกลัวไม่กล้าให้ข้อมูลแม้แต่บ้านเกิดตัวเอง
นายชูชาติ กันภัย ทนายความของหนึ่งในผู้ต้องหาคดีวางระเบิดราชประสงค์ คือนายอาเด็ม คาราดักเปิดเผยว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่จะยื่นฟ้องศาลในวันที่ 12 พ.ย. ที่จะถึง ขณะนี้ตนกำลังจะร้องขอต่อศาลให้หาล่ามที่สามารถใช้ภาษาอุยกูร์ได้จริงเพื่อความสะดวกในการซักถามและอำนวยความเป็นธรรมในคดีให้เป็นที่ยอมรับ เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหาว่าการติดต่อสื่อสารกับนายคาราดักเป็นไปด้วยความยากลำบาก ล่ามที่มีไม่ได้สื่อสารในภาษาเดียวกันเสียทีเดียว ในขณะที่นายคาราดักเองก็พูดภาษาอังกฤษได้น้อย ต้องพูดคุยด้วยศัพท์ที่พื้นฐานและภาษาที่ง่ายๆ บางครั้งต้องใช้การวาดภาพหรือภาษากายเข้าประกอบ
นายชูชาติเปิดเผยด้วยว่า วันนี้ตนได้เข้าเยี่ยมลูกความที่ถูกคุมขังอยู่ นายคาราดักยังยืนยันเรื่องที่ได้รับสารภาพไปว่าเป็นผู้วางระเบิด โดยบอกว่าทำตามคำสั่งของนายอับดุลเลาะห์ แต่เมื่อชี้แจงเรื่องข้อกล่าวหาว่ามีข้อกล่าวหาเรื่องการก่อการร้ายก็พบว่าไม่สามารถทำความเข้าใจได้ เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องภาษาดังกล่าว
ทนายความกล่าวด้วยว่า นายคาราดักพยายามสื่อสารเรื่องปัญหาของชาวอุยกูร์ในจีน โดยกล่าวถึงเหตุการณ์ความไม่สงบครั้งใหญ่ในมณฑลซินเจียงของจีนเมื่อปี 2552 ซึ่งมีข่าวการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่จีนและชาวอุยกูร์ที่ใช้อาวุธ จนกระทั่งมีผู้เสียชีวิตกว่าร้อยคน โดยกล่าวว่าเหตุการณ์หนนั้นทำให้ตนเองและครอบครัวต้องหลบหนีไปคนละทิศทาง ตลอดจนผู้คนจำนวนมากก็ต้องหลบหนีเช่นเดียวกัน นายชูชาติเปิดเผยอีกว่า เมื่อถามถึงกรณีอุยกูร์ 109 คนที่ไทยส่งตัวให้จีนไปนั้น นายคาราดักบอกว่า ตนเชื่อว่าคนเหล่านั้นคงเสียชีวิตหมดแล้ว เช่นเดียวกันกับญาติพี่น้องของพวกเขา โดยอธิบายต่อมาว่า ที่คิดเช่นนั้นเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา อุยกูร์ที่หลบหนีเข้าเมืองไทยแลกเปลี่ยนข่าวสารกันและพบว่า ญาติพี่น้องของคนที่เชื่อว่าก่อเหตุหรือหลบหนีจะถูกลงโทษด้วย
นอกจากนั้นนายชูชาติระบุว่า ยังไม่ปรากฏว่ามีผู้ที่เป็นญาติพี่น้องของนายคาราดักหรือรู้จักกันมาแสดงตัวหรือเยี่ยมเยียน ตัวนายคาราดักเองก็ไม่เอ่ยถึงเรื่องพวกนี้ ทั้งไม่ยอมเปิดเผยว่าตนเองเกิดที่ไหน จากการพูดคุยพบว่ามีอาการหวาดกลัวเกรงความเกี่ยวข้องของจีน ทนายความกล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าในวันให้การหากมีเจ้าหน้าที่จากจีนรับฟังด้วยนายคาราดักจะให้ข้อมูลมากเพียงใด
ส่วนนายยูซุฟูนั้นคาดว่าเจ้าหน้าที่ได้จัดหาทนายความให้แล้ว สำหรับขณะนี้มีปัญหาใหญ่ดังกล่าวคือต้องการล่ามที่พูดภาษาอุยกูร์ได้ ซึ่งคาดว่าน่าจะพอมีแต่ไม่มีใครกล้าแสดงตัวช่วยเหลือ
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น