0

งานวิจัยเผย เพศศึกษาที่สอนทุกวันนี้ไม่ตอบโจทย์ผู้เรียนวัยรุ่นทั่วโลก

Posted: 05 Oct 2016 03:38 AM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

เดอะการ์เดียน รายงานว่า ผลงานวิจัยล่าสุดที่ชื่อว่า “เยาวชนคิดอย่างไรเกี่ยวกับการสอนเพศศึกษาและสัมพันธภาพ: การสังเคราะห์งานวิจัยเชิงคุณภาพในเรื่องมุมมองและประสบการณ์ของเยาวชน” ซึ่งทำการศึกษาวิจัยจำนวน 48 ชิ้นใน 10 ประเทศ (สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ สหรัฐฯ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา ญี่ปุ่น อิหร่าน บราซิล และสวีเดน) ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเยาวชนอายุระหว่าง 4 -19 ปี กำลังศึกษาในโรงเรียน เยาวชนอายุต่ำกว่า 19 ปี ที่เรียนหรือไม่ได้เรียนหนังสือในระบบก็ได้ รวมทั้งเยาวชนอายุ 25 ปีที่จำได้ว่าเคยเรียนวิชาเพศและสัมพันธภาพเมื่อครั้งเป็นนักเรียน แสดงให้เห็นว่าวิชา เพศศึกษา ในโรงเรียนทั่วโลก “ขาดข้อมูลที่ตรงประเด็น” กับประสบการณ์ของนักเรียนอย่างมาก ผู้เรียนคิดว่าเนื้อหาไม่ถูกจุด ไม่ตรงใจ จึงไม่สนใจจะเรียน

รายงานผลวิเคราะห์ทัศนคติของเยาวชนซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร BMJ Open เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งนำทีมโดย ดร. แพนดอร่า พาวด์ แห่งวิทยาลัยการแพทย์ชุมชนและสังคม มหาวิทยาลัยบริสตอล พบความสอดคล้องจนน่าแปลกใจในเรื่องมุมมองของวัยรุ่นต่อวิชาเพศศึกษาจากทั้ง 10 ประเทศ โดยนักเรียนจำนวนมากเห็นว่าบทเรียนเรื่องเพศและสัมพันธภาพมีแต่แง่ลบ เน้นศีลธรรมและเป็นวิทยาศาสตร์จนเข้าใจยากเกินกว่าจะช่วยให้ตนเองรับมือกับความรู้สึกและสถานการณ์เมื่อเผชิญในชีวิตจริง เน้นเนื้อหาเพื่อให้นักเรียนรักนวลสงวนตัว ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องอารมณ์ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงๆ

ดร. แพนดอร่า กล่าวว่า “ผลการวิจัยแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าวิชาเพศศึกษาและสัมพันธภาพที่สอนในโรงเรียน ไม่ค่อยตอบสนองความต้องการของเด็ก ดูเหมือนโรงเรียนยังทำใจยอมรับได้ยากว่าเด็กบางคนมีพฤติกรรมทางเพศหรือมีเพศสัมพันธ์แล้ว ทำให้ออกแบบการจัดการเรียนการสอนเพศศึกษาและสัมพันธภาพที่ไม่ถูกจุด ไม่ตรงกับชีวิตของผู้เรียน”

ดร. แพนดอร่า และทีมวิจัย ได้ข้อสรุปหลังจากทบทวนการศึกษาวิจัยที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับทัศนคติของวัยรุ่นที่มีต่อวิชาเพศศึกษาระหว่างปี พ.ศ. 2533 ถึง 2558 ซึ่งมีทั้งนักเรียนที่กำลังเรียนอยู่และศิษย์เก่าด้วย พบว่า หากมีนักเรียนหญิงเรียนร่วมในชั้นเรียนวิชาเพศศึกษาและสัมพันธภาพ ครูมักปล่อยให้นักเรียนหญิงตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการถูกคุกคาม ส่วนนักเรียนชายก็จะคอยกังวล มัวแต่ปิดบังเพราะกลัวเพื่อนรู้ว่าตัวเองไม่มีความรู้เรื่องเพศ เด็กผู้ชายบางคนจึงมีพฤติกรรมก่อกวนในชั้นเรียนเพื่ออำพรางความด้อยประสบการณ์ทางเพศของตนเอง

ผู้วิจัยยังพบว่านักเรียนจำนวนมากเห็นว่าโรงเรียนมองเรื่องเพศเป็นปัญหาที่สมควรต้องจัดการ เน้นสัมพันธภาพแบบหญิงชายมากเกินไป และเพศหญิงมักถูกให้ภาพว่าเป็นฝ่ายรับที่ไม่มีปฏิกิริยาโต้แย้ง ส่วนเพศชายก็ถูกให้ภาพว่าเป็นนักล่า ขณะที่ข้อมูล ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเพศทางเลือกก็ไม่มีอยู่ในเนื้อหาการเรียนการสอน

นอกจากนี้ ข้อมูลจากงานวิจัยยังระบุว่านักเรียนจำนวนมากรู้สึกไม่สะดวกใจและคิดว่าการที่ครูวิชาอื่นมาสอนวิชาเพศศึกษาและสัมพันธภาพนั้นไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น “บางคนแสดงความไม่ชอบใจที่ครูของตัวเองต้องมาสอนเพศศึกษาและสัมพันธภาพ เพราะแยกขอบเขตออกจากกันไม่ชัดเจน เนื่องจากครูรู้จักชื่อเด็กจึงเกิดความกระดากอาย และครูไม่มีทักษะที่ดีพอ” ดร. แพนดอร่ากล่าว

รายงานประจำปี พ.ศ. 2556 เรื่องเพศศึกษาโดยสำนักงานมาตรฐานการศึกษา บริการและทักษะสำหรับเด็ก ซึ่งเป็นหน่วยงานผู้ตรวจการโรงเรียนในอังกฤษพบว่ามีนักเรียนกลุ่มอายุ 18 ปี ร้อยละ 19 เท่านั้นที่เชื่อว่าวิชาเพศศึกษาและสัมพันธภาพควรสอนโดยครูจากโรงเรียนของตัวเอง

ฝ่ายครูเองก็ยอมรับว่า “รู้สึกไม่สะดวกใจ” ที่ต้องสอนวิชาเพศศึกษาและสัมพันธภาพ นอกจากนี้ รายงานของสำนักงานฯ ยังพบว่า 1 ใน 3 ของโรงเรียนในอังกฤษจัดการเรียนการสอนเพศศึกษาและสัมพันธภาพอย่างได้คุณภาพย่ำแย่

โรงเรียนต้องตระหนักถึงความสำคัญของหลักสูตรเพศศึกษาว่าเป็นวิชาที่ท้าทาย ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมทั้งต้องให้ข้อมูลและกิจกรรมสอดคล้องกับวัยของผู้เรียนซึ่งมีหลายระดับ

ผู้เขียนรายงานให้ข้อเสนอแนะว่า โรงเรียนต่างๆ สามารถรับมือกับปัญหานี้ได้ แทนที่จะจัดการเรียนการสอนแบบเดิมๆ ควรจัดชั้นเรียนเพศศึกษาและสัมพันธภาพแบบชั้นเดี่ยว ขอความร่วมมือจากนักวิชาการด้านเพศศึกษาภายนอกให้เข้ามาจัดการเรียนการสอนให้ในโรงเรียน

นอกจากนี้ ผู้เขียนรายงานให้ข้อเสนอว่าโรงเรียนควร “มีทัศนคติเชิงบวกเรื่องเพศ” มากขึ้น เปิดใจยอมรับ ตรงไปตรงมา และคิดแง่บวกต่อเรื่องเพศ คัดค้านทัดทานทัศนคติเชิงลบของสังคมต่อเรื่องเพศ

ลูซี่ เอ็มเมอร์สัน ผู้ประสานงานสภาที่ประชุมด้านเพศศึกษาแห่งสหราชอาณาจักรกล่าวว่า “น่าผิดหวังที่การจัดการเรียนการสอนเพศศึกษาและสัมพันธภาพที่ไม่มากพอ กลายเป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นซ้ำซากในหลายประเทศ เด็กนักเรียนทั้งในอังกฤษและในประเทศอื่นๆ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าการสอนเพศศึกษาและสัมพันธภาพช่วงเริ่มต้นมีเนื้อหาน้อยเกินไปและสอนช้าเกินไป เน้นแต่ด้านชีววิทยา ให้ความสำคัญกับเรื่องสัมพันธภาพเพียงเล็กน้อย ส่วนเนื้อหาในบทเรียนก็ไม่สะท้อนภาพความเป็นจริงของชีวิตวัยรุ่นเลย”

ลูซี่กล่าวเสริมว่า “ตัวครูเองก็ได้แต่พูดแล้วพูดอีกว่าอยากได้การอบรมเฉพาะเรื่อง จะได้สอนเพศศึกษาและสัมพันธภาพได้อย่างมีคุณภาพดีเยี่ยม แต่รัฐบาลอังกฤษกลับไม่สนใจที่จะประกาศให้มีวิชาเพศศึกษาและสัมพันธภาพทุกโรงเรียน จึงเกิดช่องว่างขนาดใหญ่ด้านการจัดการเรียนการสอน บางโรงเรียนก็ไม่สอนวิชานี้แม้แต่คาบเดียว”

การศึกษาวิจัยที่สนับสนุนงบประมาณโดยสถาบันเพื่อการวิจัยด้านสุขภาพแห่งชาติยังพบว่าหลักสูตรเพศศึกษาและสัมพันธภาพมักไม่ให้นักเรียนได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เช่น จะทำอย่างไรถ้าตั้งครรภ์ ข้อดีข้อเสียของการคุมกำเนิดวิธีต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่ามีการจัดการเรียนการสอนวิชาเพศศึกษาช้าเกินไปสำหรับนักเรียนบางกลุ่ม

บทความรายงานการวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าถ้ายังไม่มีการยกเครื่องปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรเพศศึกษาและสัมพันธภาพ “เยาวชนก็จะถูกตัดขาดจากหลักสูตรเพศศึกษาและสัมพันธภาพ รวมทั้งโอกาสในการดูแลสุขภาวะทางเพศของตนเองก็จะลดน้อยลงไปด้วย”

ลูซี่เพิ่มเติมว่า “หลักฐานจากนานาประเทศแสดงให้เห็นชัดเจนว่าหลักสูตรเพศศึกษาและสัมพันธภาพแบบรอบด้านที่สอนตั้งแต่เด็กยังเล็กและสอนโดยผู้ที่ผ่านการอบรมมาอย่างดีส่งผลต่อการยกระดับสุขภาวะทางเพศของเยาวชน ความรุนแรงทางเพศก็ลดลง แต่ยังมีหลายประเทศไม่ตอบสนองหรือลงมือดำเนินการใดๆ เพื่อจัดให้เด็กและเยาวชนได้รับการศึกษาตามที่เด็กต้องการและสมควรได้รับอย่างยิ่ง”








แปลและเรียบเรียงจาก Sex education is not relevant to pupils’ lives, says report, the Guardian
โดย http://3c4teen.org/
เผยแพร่ครั้งแรกที่ http://3c4teen.org/post/4699



แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top