0
เพจเรารักพล.อ.ประยุทธ์ทำพิษ เจอข้อหา 116-พ.ร.บ.คอม 8 คน-2 คนพ่วงคดี 112
Posted: 28 Apr 2016 10:19 AM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

ภาพซึ่งเป็นสเตตัสล่าสุดของเพจเรารักพล.อ.ประยุทธ์ โพสต์เมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 เม.ย.2559
กรณีที่วานนี้ (27 เม.ย.2559) ทหารบุกควบคุมตัวประชาชนหลายรายตั้งแต่เช้ามืด แบ่งเป็นในจังหวัดขอนแก่น 2 รายคือ หฤษฏ์ มหาทน หรือ ปอน และนายนิธิ กุลธนศิลป์ และในกรุงเทพฯ อีก 7 ราย ทราบชื่อภายหลัง ได้แก่ 1.นางสาวณัฏฐิกา วรธัยวิชญ์ หรือนัท 2.นายนพเก้า คงสุวรรณ 3.นายวรวิทย์ ศักดิ์สมุทรนันท์ หรืออ้วน 4.นายโยธิน มั่งคั่งสง่า หรือโย 5.นายธนวรรธน์ บูรณศิริ อายุ 22 ปี 6.นายศุภชัย สายบุตร หรือ ตั๋ม อายุ 30 ปี และ 7.นายกัณสิทธิ์ ตั้งบุญธินา หรือ ที อายุ 34 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การควบคุมตัวในครั้งนี้ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในโซเชียลมีเดีย เนื่องจากไม่ทราบสาเหตุว่าพวกเขาถูกจับกุมจากกรณีใด นำตัวไปไว้ที่ใด จนกระทั่งพ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ที่มีพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้โซเชียลมีเดีย ที่เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 จำนวน 10 คน อย่างไรก็ตาม ในช่วงดึกวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวนายนิธิออกมาเพียงคนเดียว ส่วนที่เหลืออีก 8 รายยังคงถูกควบคุมตัวในมทบ.11 โดยไม่สามารถติดต่อกับญาติและทนายความได้ ต่อมาในช่วงเย็นมีการนัดชุมนุมของกลุ่มพลเมืองโต้กลับเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวประชาชนทั้งหมดที่ถูกจับเนื่องจากการจับกุมมิชอบ รวมถึงมีแถลงการณ์จากองค์กรต่างๆ
ความคืบหน้าล่าสุดในวันนี้ (28 เม.ย.2559) ช่วงบ่ายศาลทหารได้อนุมัติหมายจับผู้ถูกควบคุมตัวทั้งหมดรวม 9 คน โดยในจำนวนนี้ได้เพิ่มเติมชื่อนายชัยธัช รัตนจันทร์ ด้วย แต่ตำรวจชี้แจงว่าอยู่ต่างประเทศไม่สามารถติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้
เวลาประมาณ 18.30 น. ที่กองบังคับการปราบปราม ตำรวจตั้งแถลงข่าวนำโดยพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติร่วมกับทหารพระธรรมนูญและแพทย์ที่ตรวจร่างกาย โดยมีการนำผู้ต้องหาทั้ง 8 คนมาร่วมแถลงข่าวด้วยและให้ตัวแทนจากสภาทนายความเข้าร่วมรับฟัง อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านนี้ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนและญาติของผู้ต้องหาจำนวนหนึ่งขอเข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าวด้วยพร้อมทั้งแจ้งว่าญาติผู้ต้องหาได้แต่งตั้งทนายความแล้วจึงขอเข้าพบลูกความแต่ตำรวจไม่ได้อนุญาตให้ทนายและญาติเข้าฟังการแถลงข่าวและพบผู้ต้องหา คงมีเพียงผู้สื่อข่าวเท่านั้นที่ได้เข้าฟังการแถลงข่าว ทั้งนี้ การแถลงข่าวเกิดขึ้นในช่วงใกล้ค่ำ จึงฝากขังผู้ต้องหาทั้งหมดยังศาลทหารไม่ทัน เจ้าหน้าที่จึงจะจนำตัวผู้ต้องหาไปฝากยังศาลทหารในวันรุ่งขึ้น (29 เม.ย.) 9.00 น.

ญาติผู้ต้องหามาดักรอที่กองปราบ เมื่อผู้ต้องหาลงจากรถก็โบกมือให้
แต่ไม่สามารถเข้าไปพูดคุยหรือเข้าร่วมฟังแถลงข่าวได้

ทนายความจากศูนย์ทนายพยายามจะฝ่าแนวทหารกั้นเข้าไปเจรจากับตำรวจเพื่อขอพบผู้ต้องหา
พล.ต.อ.ศรีวราห์ไม่อนุญาต สุดท้ายถูกกันออกจากห้องแถลงข่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเบื้องต้นว่า เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 8 คน ในความผิดนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และสร้างความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน มาตรา  116 ของประมวลกฎหมายอาญา โดยการทำเพจในเฟซบุ๊กชื่อ เรารักพล.อ.ประยุทธ์  ทั้งหมดปฏิเสธข้อกล่าวหา ยกเว้นนายนายกัณสิทธิ์ ตั้งบุญธินา ที่รับสารภาพ
นอกจากนี้ในจำนวนนี้ยังมีผู้ต้องหา 2 คนที่โดนแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในความผิดฐานหมิ่นประมาทสถาบันกษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 คือ นายหฤษฏ์ มหาทน หรือ ปอน และนางสาวณัฏฐิกา วรธัยวิชญ์ หรือนัท จากกรณีที่ส่งข้อความส่วนตัวคุยกันโดยเนื้อหาเข้าข่ายความผิดดังกล่าว
นอกจากนี้ตำรวจยังแจกแผนผังแสดงความเชื่อมโยงกันของกลุ่มผู้ต้องหาโดยบนสุดของแผนผังเป็นบุคคลที่ตำรวจไม่เปิดเผยว่าเป็นใคร แต่ระบุว่าเป็นผู้ว่าจ้างกลุ่มคนทั้งหมดในการทำเพจดังกล่าว รองลงมาคือ นายชัยธัช รัตนจันทร์ ซึ่งเป็นผู้นำเงินไปจ่ายให้แต่ละคน แต่ไม่สามารถติดตามตัวได้เนื่องจากอยู่ต่างประเทศ ถัดมาคือ นางสาวณัฏฐิกา และคนอื่นๆ โดยแผนผังระบุแต่ละคนจะได้เงินรายเดือน 16,000-23,000 ในการทำเพจดังกล่าว นอกจากนี้แผนผังดังกล่าวยังมีการเชื่อมโยงเพิ่มเติมด้วยว่า บางคนก็รับทำเพจให้สมบัติ บุญงานอนงค์ หรือจตุพร พรหมพันธ์
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เพจเรารักพล.อ.ประยุทธ์ นั้นตั้งขึ้นเมื่อ 21 พ.ค.2557 โดยเพิ่งมาแอคทีฟในช่วงหลัง มียอดไลค์ ณ ปัจจุบัน 71,798 เนื้อหาในเพจเป็นลักษณะล้อเลียน เสียดสี และโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในประเด็นต่างๆ ร่วมสถานการณ์ โดยมีการตัดต่อภาพและข้อความ เช่น ทำภาพพลเอกประยุทธ์เลียนแบบ ‘เจ๊จู วัสดุก่อสร้าง’พร้อมข้อความเสียดสี “รำไม่ดี....โทษรัฐบาลที่แล้ว” , ภาพพล.อ.ประยุทธ์ ตีแบตกับ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล แทนที่จะเป็นน้องเมย์, นำภาพหน้า พล.อ.ประยุทธ์ตัดต่อเป็นนางนพมาศบนเสลี่ยงและตัดต่อภาพนายสุเทพและนายอภิสิทธิ์เป็นผู้หามเสลี่ยง เป็นต้น
เมื่อถามว่าทำไมเพจดังกล่าวเปิดมานาน และมีเพจล้อเลียนเสียดสีจำนวนมาก ทำไมเพิ่งมีการจับกุมกันตอนนี้ พล.ต.อ.ศรีวราตอบว่า เจ้าหน้าที่ทหารเพิ่งแจ้งความเข้ามาจึงเพิ่งมีการดำเนินการ ส่วนว่าจะดำเนินการจัดการกับเพจลักษณะนี้อย่างไรต่อไป เขากล่าวว่า มี ปอท.คอยตามสอดส่องอยู่ตลอด หรือใครพบเห็นให้แจ้งความเข้ามา

รายละเอียดการแถลงข่าวของตำรวจ


พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการ ผู้อำนวยการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ สำนักงานแห่งชาติ ผบก.ผอ.สยศ.ตร. แถลงว่า จากกรณีที่เป็นข่าวตั้งแต่เมื่อวาน (27 เม.ย.) ว่า มีบุคคลถูกเจ้าหน้าที่ทหารนำตัวไปนั้น จากการตรวจพบว่าบุคคลที่ถูกควบคุมตัวไปมีการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จและทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด เป็นข้อความที่มีการต่อต้านการทำงานของ คสช. รัฐบาลและผู้นำรัฐบาล ก่อให้เกิดความปั่นป่วนและกระด้างกระเดื่องในหมูประชาชน ถึงขนาดจะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้น มีการยุยงปลุกปั่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ดำเนินการสืบสวน ติดตามข้อมูลดังกล่าวตลอดมาจนกระทั่งพบว่า เป็นกลุ่มบุคคลที่มีส่วนร่วมกระทำความผิดซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 จึงได้มีการดำเนินการเชิญตัวโดยเจ้าหน้าที่ทหาร ได้นำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาทำการสอบปากคำจำนวน 8 คน และวันนี้เจ้าหน้าที่ทหารได้ส่งตัวบุคคลดังกล่าว มามอบให้พนักงานสอบสวนรับตัวไปดำเนินคดี โดยเจ้าหน้าที่ทหารคือ พลตรีวิจารณ์ จดแตง ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม
สำหรับรายละเอียดข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พล.ต.ต.ชยพล กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่ง แบ่งการทำงานออกเป็นขั้นตอนมีผู้บงการ มีผู้รับคำสั่ง มีหัวหน้าทีม มีผู้ปฏิบัติการในการทำเว็บเพจ โดยเริ่มจากผู้สั่งการได้มีคำสั่งให้กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการ เริ่มตั้งแต่ ชัยธัช รัตนจันทร์ ซึ่งเคยทำงานที่ Voice TV เป็นผู้รับคำสั่ง รับเงินมาส่วนหนึ่ง เซ็นค่าตอบแทนกับทีมงานที่ปฏิบัติงาน ซึ่งสำหรับชัยธัชนั้นตำรวจยังไม่ได้นำตัวมา ถัดจากนั้นคือหฤษฏ์ มหาทน เป็นที่ปรึกษามีหน้าที่ดูแลเนื้อหาที่จะนำไปเผยแพร่ในเพจเรารักพล.อ.ประยุทธ์ และเพจ UDD Thailand โดยได้รับคำสั่งจากชัยธัช ได้รับค่าจ้างเดือนละประมาณ 28,000 บาท โดยหฤษฏ์เป็นผู้คัดเลือกข้อมูลกำหนดแนวทางให้ ณัฏฐิกาเป็นผู้ดำเนินการ โดยเธอจะมีทีมงานอยู่ 6 คน ประกอบด้วย นพเกล้า ซึ่งทำหน้าที่ดูแลเว็บเพจเรารักพล.อ.ประยุทธ์ โดยตัดต่อข้อความแล้วส่งไปให้ณัฏฐิกา ดำเนินการ มีการต่อติดสื่อสารกันตามช่องทางพิเศษ นพเกล้าได้รับงานเดือนจากณัฏฐิกา เดือนละ 16,000 บาท คนที่สอง วรวิทย์ ทำหน้าที่อัพโหลดข้อความลงไปในเพจ ได้รับเงินเดือนจากณัฏฐิกาเดือนละ 16,000 บาท โยธินเป็นแอดมินเพจเรารักพล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้าที่ตรวจสอบการโพสต์ต่างๆ ของเพจเฟซบุ๊ก UDD Thailand ได้รับเงินเดือนจากณัฏฐิกาเดือนละ 18,000 บาทธนวรรธน์ บูรณศิริ ทำหน้าที่ดูแลเพจเรารักพล.อ.ประยุทธ์และยังดูแลเพจ PEACE TV ไม่ได้รับเงินเดือนจากณัฏฐิกา แต่ยืนยันว่าเป็นหนี้สินกันจึงยินดีทำให้เพื่อชดใช้หนี้สิน ศุภชัย สายบุตร มีหน้าที่ดูแลเพจเรารักพล.อ.ประยุทธ์ มีหน้าที่ตัดต่อภาพ และเนื้อหาที่โจมตีรัฐบาลและ คสช. โดยจะส่งภาพให้กับณัฏฐิกา เพื่อนำไปเผยแพร่ต่อไป ได้ละเงินเดือนจากณัฏฐิกา 17,000 บาท คนสุดท้ายกัณสิทธิ์ ตั้งบุญธินา ทำหน้าที่เป็นแอดมินผู้ดูแลเพจเรารักพล.อ.ประยุทธ์ ได้รับเงินเดือนจำนวน 18,000 บาท
“ณัฏฐิกาได้ให้การเพิ่มเติ่มอีกว่า ทำหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่มแอดมินเพจ ทั้งหมด 6 เว็บเพจ คือจตุพร พรหมพันธุ์โดยจตุพรเป็นผู้ว่าจ้าง ต่อมาคือเพจ PEACE TV , เพจเรารักพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งรับสารภาพว่าเป็นคนสร้างทั้งสามเพจ นอกจากนี้ยังมีเว็บเพจที่เกี่ยวข้องเช่น UDD Thailand , Red Intelligence , Red Democracy  สามเพจนี้เป็นเพจที่มีการเคลื่อนไหวมาตั้งแต่ปี 2553 ถึงปัจจุบัน เนื้อหาของเพจบางเพจนั้นมีข้อความที่ทำให้ประชาชนนั้นเกิดความเข้าใจผิด และก่อให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบขึ้นในบ้านเมือง ณัฏฐิกายังรับว่า นอกจากนี้แล้วยังได้รับจ้างทำเพจให้กับสมบัติ บุญงามอนงค์ โดยได้รับค่าจ้างจากหฤษฏ์เดือนละ 110,000 บาท แล้วนำมาแจกจ่ายให้กับสมาชิกตามที่ได้นำเสนอไปแล้วและณัฏฐิกาเหลือเงินไว้ใช้เดือนละ 25,000 บาท” พล.ต.ต.ชยพล กล่าว
พล.ต.ต.ชยพล กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานสอบสวนคนที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าที่ทหารที่มาร้องทุกข์ บันทึกซักถามจากที่เจ้าหน้าที่ทหารส่งให้และสอบสวนจนเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดจริง จึงได้เสนอขออนุมัติศาลทหารออกหมายจับบุคคลทั้ง 8 นี่
“นอกจากนี้จากการตรวจสอบในกล่องข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการติดต่อระหว่างกันของคนในกลุ่ม พบว่ามีการก้าวล่วงไปยังสถาบันอันเป็นที่รักของประชาชน โดยพลตรีวิจารณ์ ได้แจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมกับ หฤษฏ์ และณัฏฐิกา ในความผิดตามประมวลกลหมายอาญามาตรา 112 อีกหนึ่งข้อหา” พล.ต.ต.ชยพลกล่าว  
หลังจากนั้นมีการเปิดโอกาสให้ผู้ถูกจับกุมได้พูด หฤษฏ์กล่าวว่า อยากจะทราบว่าปกติแล้วการทำเพจของกรมตำรวจมีการให้ค่าจ้างหรือไม่ พล.ต.อ ศรีวราห์ ตอบว่า ไม่ทราบ จากนั้นหฤษฏ์ถามต่อว่า ตอนสอบสวนได้ให้การปฏิเสธในการทำเพจบางเพจไป แต่ทำไมตอนแถลงจึงได้ถูกนำมาเหมารวม พล.ต.อ ศรีวราห์ ตอบว่า ไม่เป็นไร ไม่ใช่สาระสำคัญ
ด้านณัฏฐิกา ยอมรับว่า ได้เงินจากการเป็นผู้บริหารเพจ PEACE TV จริง แต่เป็นเงินเดือนที่ได้รับจากบริษัท PEACE TV ในฐานะพนักงานบริษัทที่ทำหน้าที่ดูแลเพจ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หฤษฏ์และณัฏฐิกา รู้จักกันเป็นการส่วนตัวหรือไม่ ณัฏฐิกาตอบว่ารู้จักกันเฉพาะในเฟซบุ๊ก ไม่ได้มีความสนิทกันมาก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการมีส่วนร่วมของจตุพรในการกระทำทั้งหมด พล.ต.อ ศรีวราห์ตอบว่า จะมีการสืบสวนกันต่อไป หากมีหลักฐานชัดเจนก็จะมีการขอออกหมายจับตามกระบวนการ
เมื่อผู้สือข่าวถามว่า กรณีเพจเลียนการทำงานของ คสช. มีมาตั้งแต่ คสช. เข้ามาบริหารประเทศ แต่ทำไมจึงเพิ่งมีการดำเนินการจับกุมในช่วงนี้ และต่อไปจะมีมาตรการอย่างไรต่อไป พล.ต.อ ศรีวราห์ตอบว่า เรื่องนี้กองทัพเพิ่งเข้ามาแจ้งความจึงเพิ่งมีการดำเนินการ ส่วนวิธีการในการจัดการในส่วนของตำรวจมี ปอท. ที่ดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว และหากมีใครเข้าแจ้งความก็ยินดีที่จะสืบสวนให้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดการจับกุมตัวจึงต้องใช้กำลังเข้าไปบุกรุกจำนวนมาก พล.ต.อ ศรีวราห์ ตอบว่า ในส่วนของตำรวจไม่มีการจับกุมตัวมีแต่การรับมอบตัวผู้ต้องหารจากทหาร การจับกุมตัวเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ทหาร
ด้านพลตรีวิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการ คณะทำงานกฎหมาย คสช. เสริมว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ทหารได้กระทำไปตามคำสั่งของคสช. ที่ให้อำนาจเป็นเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อย และมีอำนาจในการจัดการอยู่แล้ว เมื่อมีตรวจพบว่ามีกระทำความผิดก็สามารถเข้าไปดำเนินการตรวจค้นได้ และสามารถเชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ เมื่อมีข้อมูลที่ปรากฎชัดว่า ได้กระทำความผิดก็ต้องไปกล่าวโทษดำเนินคดี

หมายเหตุ - ขอขอบคุณช่างภาพนิรนามที่อนุเคราะห์ภาพถ่าย

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top