0

ย้อนรอย สงครามพี่น้อง ไทย-ลาว ยุทธการ ร่มเกล้า
เนื่อง จากด็กไทยหลายคนไม่รู้ว่า ไทย-ลาวเคยรบกันเรื่องเส้นดินแดน ที่บ้านร่มเกล้า ผมไม่มีเจตนาทำลายความสัมพันธ์ สองประเทศ แต่ต้องการให้ เด็กรุ่นใหม่ได้รับรู้ สถานการณ์ เมื่อก่อน
ซึ่งเด็กไทย หลายคนชอบดูถูกลาว คิดว่าประเทศตัวเองเก่งที่สุดในอาเซียน หรือไม่คิดว่าประเทศอื่นจะรุกราน เพราะพวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับอดีต ของไทย
สงครามบ้านร่มเกล้าเกิดจากกรณีพิพาท ระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ณ บ้านร่มเกล้า อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก อันเนื่องมาจากปัญหาเส้นเขตแดนที่อ้างสนธิสัญญาคนละฉบับ
ลาวได้ส่ง กำลังทหารเข้ามายึดพื้นที่ส่วนที่เป็นปัญหา ไทยส่งกำลังทหารเข้าผลักดัน เกิดการปะทะกันด้วยกำลังทหารของทั้ง 2 ฝ่ายอย่างหนักหน่วงในช่วงเดือนธันวาคม 2530 ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2531 มีการหยุดยิงเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2531 เหตุการณ์เกิดขึ้นใน ช่วงปลายของยุคพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ทั้งนี้โดยมีพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 28 ปี มีผู้ใช้เรื่องนี้กล่าวหาพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในทางดูถูกดูแคลน ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ผมเชื่อว่าสงครามร่มเกล้าครั้งนั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธได้รับพรมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันมีศักดิ์รามาธิบดี ชั้นมหาโยธิน
ความจริง ถ้าคำนึงถึงข้อเท็จจริงว่าผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมี ศักดิ์รามาธิบดีนี้จะต้องดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยาแช่คมหอกคมดาบและผ่านพิธี โองการแช่งน้ำ ในอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาดาราม (วัดพระแก้ว) ซึ่งก็คือการดื่มน้ำถวายสัตย์สาบานต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นเกียรติยศสูงสุดแก่นายทหารและข้าแผ่นดิน ข้อกล่าวหาทั้งหลายก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นแล้ว
แต่หลายปีมานี้พล .อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็ดี กองทัพไทยก็ดี ต่างไม่ปริปากพูดถึงเรื่องนี้ ยอมกลืนเลือดข่มกล้ำความเจ็บช้ำน้ำใจที่อาจจะมีอยู่บ้างไว้ ผมเชื่อว่า เหตุผลหนึ่งก็เพื่อไม่ต้องการให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทำ ให้นักฉวยโอกาสเหยียบย่ำซ้ำเติมมาโดยตลอด
สงครามบ้านร่มเกล้าไม่น่า จะเป็นเพียงไทยรบกับลาว หากแต่มีเวียดนามยืนอยู่เบื้องหลัง เป็นจุดล่อแหลมครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย ความลับที่ไม่เคยเปิด เผยคือไทยได้รับความช่วยเหลือจากจีนในครั้งนั้นด้วย !
ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจสถานการณ์ของบ้านร่มเกล้าเสียก่อน
ตามสนธิสัญญา ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส พ.ศ. 2451 กำหนดให้ลำน้ำเหืองเป็นเขตแดนสยาม-ฝรั่งเศส แต่ปีถัดมาพนักงานสำรวจทำแผนที่พบว่ามีน้ำเหือง 2 สาย ฝรั่งเศสตัดสินเอาเองโดยไม่ได้แจ้งให้กรุงเทพฯทราบ เลือกสายน้ำที่ทำให้ตนได้ดินแดนมากขึ้นหน่อย ลาวรับช่วงถือเขตแดนนี้
แต่ ลำน้ำเหือง 2 สายนั้นไม่ตรงกับแนวลำน้ำในปัจจุบันที่ปรากฏในแผนที่สหรัฐทำให้รัฐบาลไทย ช่วงสงครามเวียดนาม ลำน้ำในปัจจุบันเรียกว่าเหืองป่าหมัน ไม่ใช่ชื่อที่เคยปรากฏในเอกสารใด ๆ เมื่อพ.ศ. 2450 - 2451
เขตแดน ตรงนั้นไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งปี 2530 ลาวอ้างว่าบริเวณบ้านร่มเกล้าเป็นของลาว เนื่องจากแผนที่คนละฉบับกับไทย ซึ่งอาจจะเกิดจากความผิดพลาดในการสำรวจเมื่อปี 2450
ช่วงปี 2510 - 2520 พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) เคลื่อนไหวรุนแรงที่จะยึดอำนาจรัฐ พื้นที่ติดต่อเขตลาวในเขตนี้ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเผ่าม้ง ถูกใช้เป็นพื้นที่หลบซ่อนและปฏิบัติการ เพราะสามารถข้ามลำน้ำเหืองเข้ามาในเขตไทยได้ง่าย และบริเวณพื้นที่นี้กลายเป็นยุทธบริเวณอันสำคัญระหว่างทหารกับ พคท.
ชาว ม้ง ซึ่งเป็นแนวร่วมสำคัญของ พคท. ถูกปราบปรามอย่างหนัก หนีข้ามลำน้ำเหืองเข้าไปในเขตลาว
ช่วงปี 2525 สถานการณ์ในอินโดจีนเปลี่ยนแปลง ประกอบกับนโยบาย 66/2523 ของรัฐบาลไทยคือใช้ยุทธศาสตร์ “การเมืองนำทหาร” ทำให้ชาวม้งตัดสินใจกลับเข้ามาตามโครงการเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย กองทัพภาคที่ 3 ได้ตัดถนนสายยุทธศาสตร์และแนวชายแดนจากอำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ขึ้นไปสิ้นสุดที่บ้านร่มเกล้า
กลายเป็นเขตสัมปทานป่าไม้ มีการจัดตั้งชุดทหารพรานคุ้มครองที่ 3405 ขึ้น
และนั่นคือจุดเริ่ม ต้นของปัญหา !
วันที่ 31 พฤษภาคม 2530 ทหารลาวยกกำลังเข้ามาในพื้นที่ซึ่งฝ่ายไทยอ้างว่าอยู่ในเขตอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ทำลายรถแทรกเตอร์ของบริษัทป่าไม้เอกชนเสียหาย 3 คัน มีผู้เสียชีวิต 1 คน หายสาบสูญ 1 คน ทหารพรานชุด 3405 เข้าปะทะกับทหารลาว
วัน ที่ 1 มิถุนายน 2530 ทหารลาวเข้าโจมตีม้งที่บ้านร่มเกล้า โดยอ้างว่าเป็นการกวาดล้างม้งที่เคลื่อนไหวต่อต้านทางการลาว และมีทหารลาวอีกชุดหนึ่งยกกำลังข้ามพรมแดนเข้ามาที่เขตบ้านนาผักก้าม และบ้านนากอก อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ยิงราษฎรไทยตาย 1 คน จับกุมตัวไป 6 คน หนีรอดมา 1 คน โดยกล่าวหาว่าราษฎรเหล่านั้นลักลอบเข้าไปตัดไม้ในลาว
ขณะนั้นสหรัฐเผ่นออกไปจากเอเชียแล้ว ทิ้งอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากไว้ในเวียดนาม ทางอีสานใต้มาถึงตะวันออกกองพลใหญ่ของเวียดนามจ่อคอหอยอยู่ ทางอีสานเหนือภายใต้ชื่อทหารลาว แต่ความจริงน่าจะเป็นกองกำลังผสมของหลายชาติ โดยมีชาติมหาอำนาจยืนทะมึนอยู่ข้างหลัง ทั้งได้ใช้เทคโนโลยีสูงยิ่งในการบัญชาการ
ยามนั้นกองทัพไทยปกป้อง เอกราชอธิปไตยจนแม้กระสุนปืนใหญ่ก็ไม่เหลือ ที่ระดมมาจากมิตรประเทศในอาเชียนก็หมดสิ้น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธสั่งการให้อดีตทูตไทยประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน คือ พ.อ.อมรรัตน์ จินตกานนท์ ร่วมกับ “คณะทำงานลับ” คนหนึ่ง และทีมงานของเขา ติดต่อประสานงานกับกองทัพจีน
นำไปสู่กระบวนการ “วิธีการพิเศษ” ลำเลียงทั้งปืนใหญ่และกระสุนจากจีนมาใช้ !
ปืนใหญ่และกระสุนปืนใหญ่ ชุดนั้นมีความหมาย 2 นัย นัยแรกตรงไปตรงมา คือเป็นยุทโธปกรณ์เสริมและทดแทน นัยที่สองที่อาจจะสำคัญกว่าก็คือเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของ “สาส์น” ที่ต้องการ “สื่อ” ต่อฝ่ายตรงกันข้าม
ลักษณะกระสุนชนิดใหม่ที่ถูกยิงออกไปทำ ให้เกิดความเข้าใจว่าศึกครั้งนี้ไทยไม่ได้รบโดยโดดเดี่ยวแล้ว จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้มีการเจรจา และถอนทหารออกจากแนวรบ
อาจกล่าว ได้ว่าเป็นชัยชนะโดยไม่ต้องรบ
แน่นอนว่าวิถีทางในการรักษาเอกราช อธิปไตยของชาตินับแต่ประวัติศาสตร์มา คือ วิถีทางการทูต และวิถีทางการทหาร ต้องใช้วิธีทั้งสองตามสถานการณ์ และอย่างพลิกแพลง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ใช้แต่ทางใดทางหนึ่ง คำพูดที่ว่า “สู้ตาย” เป็นเรื่องเหลวไหลที่นักการทหารชั้นยอดจะไม่ยอมใช้ เพราะเขาใช้แต่คำว่าสู้เพื่อชนะ เพื่อบรรลุเป้าหมายทางยุทธศาสตร์
เป้า หมายทางยุทธศาสตร์ของไทยคือการรักษาเอกราชอธิปไตยของไทยโดยไม่ให้บอบช้ำต่อ การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
หลังจากเหตุการณ์ร่มเกล้าแล้ว ความจริงคนไทยควรจะได้รู้ว่าใครคือมิตรแท้ แต่การนำความจริงมาเปิดเผยในบางสถานการณ์ย่อมไม่เป็นผลดี เช่น สมมติว่าในช่วงนั้นประกาศให้รู้ทั่วกันว่าไทยไม่ได้รบกับลาวประเทศเดียว ก็เสมือนเท่ากับประกาศสงครามกับเวียดนามและสหภาพโซเวียตโดยตรง มีหรือที่ศึกจะไม่ใหญ่ขึ้น และถ้าเป็นเช่นนั้นใครจะรับผิดชอบต่อเอกราชอธิปไตยของชาติ
เมื่อตอบ คำถามนี้ก็จำเป็นอยู่เองที่จะต้องกล่าวว่า เป็นโชคดีของประเทศไทยที่ พคท.กับเวียดนามและลาวเข้ากันไม่ได้ ขณะเดียวกันจีนก็หันมาสัมพันธ์กับไทยในลักษณะรัฐต่อรัฐ มากกว่าพรรคต่อพรรค
นี่ เป็นผลส่วนหนึ่งจากที่การที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธเดินทางไปเจรจาความเมืองกับเติ้งเสี่ยวผิงในขณะนั้น !
1.. มีมหาอำนาจมาช่วยลาวรบจริง
2.. ด้วยเทคโนโลยี จาก มหาอำนาจ ทำให้เขาเหนือกว่าเราในช่วงแรกของสงคราม เป็นต้นว่า
เขามี เรดาห์ซึ่งสามารถจับ วิธีการยิงปืนใหญ่ของเราได้ ดังนั้นเราจึงต้อง ย้ายที่ตั้งปืนใหญ่ทันทีเมื่อยิงเสร็จ
3.. เรื่อง อาวุธจากจีนนั้น ผมว่าคงเป็นแค่ประเด็นเสริม เหมือนกรณี ประเด็นเสริม Dr. เอเดรียน
4.. จริง ๆ แล้ว เพราะว่า ทางไทยได้ส่งหน่วย รบพิเศษ ไปปฏิบัติการในแนวหลังของฝ่ายตรงข้าม ในลักษณะสงครามกองโจร
ทำให้ ฝ่ายตรงข้ามเกิดวิกฤตขึ้น เนื่องจากขาดการส่งกำลังบำรุง
5..จาก หัวข้อกระทู้ เบื้องหลัง....ไทยไม่ได้แพ้ สรุปได้ว่า จาก
ที่เราได้ส่ง หน่วยรบพิเศษไปปฏิบัติการในแนวหลัง ของฝ่ายตรงข้าม
ทำให้ ทางลาว ต้องส่งผู้แทนมาเจรจา กับ ไทย เพื่อเจรจา ขอ สงบศึก ซึ่ง ในมุมมองของทางการเมืองและทหารแล้ว
ประเทศคู่สงครามประเทศใด ขอเจรจาก่อน หมายถึง ขอยอมแพ้แล้วนั่นเอง
จากการปะทะกันระหว่างทหารไทย และลาวนั้น มีรายงานจากบางหน่วยแจ้งว่ามีฝ่ายลาวมีทหารต่างชาติบัญชาการรบ
อาจ เป็นคนรัสเซีย และถูกทหารไทยยิงตายไปหลายคน (กองทัพไทยไม่ได้ให้ข้อมูลกับเรื่องนี้มากนัก) จากการปะทะหลายครั้ง
บาง หน่วยรายงานว่า ทหารที่เข้าใจว่าเป็นทหารลาว บางคนพูดร้องสั่งการเป็นภาษาเวียดนาม คาดว่าเป็นกองกำลังผสมระหว่างเวียดนาม
และลาวที่รบกับไทย ในการรบที่บ้านร่มเกล้านี้จึงไม่ใช่กรณีพิพาทระหว่างไทยกับลาวธรรมดา
ระบบ อาวุธและการติดต่อสื่อสารในการรบที่ทางฝ่ายลาวใช้นั้น ทันสมัยมาก สามารถรู้พิกัดที่ตั้งปืนใหญ่ของไทย
และยิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมีการรบกวนระบบการสื่อสารของทหารไทย ซึ่งกองทัพประชาชนลาวคงไม่มีระบบที่ทันสมัยอย่างนี้
ที่ตั้งบนเนิน 1428 มีการดัดแปลงการตั้งรับอย่างดี บังเกอร์เป็นคอนกรีต เสริมเหล็ก ลักษณะเป็นเนินเขาบีบแคบ
ในการเข้าตีต้องเข้าตีจากด้านหน้าอย่างเดียว ทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบในการรบ หากจะต้องทำการรบในกรอบปกติ
11 ธันวาคม 2530 กระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่าลาวมีความประสงค์ที่จะให้มีการเจรจาเพื่อปรับ ปรุงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศขึ้น
เป็นครั้งที่ 3 หลังจากการเจรจาสองครั้งที่ผ่านมาคือครั้งแรก 18 สิงหาคม 2530 ครั้งที่สอง27 พฤศจิกายน 2530
ประสพความล้มเหลว (หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าทุก ๆ ครั้งที่ฝ่ายลาวเกิดการสูญเสียในการรบอย่างหนัก จะยื่นเจรจา
เพื่อให้ ทางไทยชะลอการรุก และทำการเสริมกำลังของฝ่ายลาว และปรับปรุงการตั้งรับ)
16 ธันวาคม 2530 กระทรวงการต่างประเทศลาวเชิญอุปทูตไทยเข้ารับบันทึกช่วยจำ มีเนื้อความว่า เครื่องบินไทยละเมิดน่านฟ้าลาว
และทำการทิ้งระเบิด พื้นที่แขวงไทรบุรีของลาว รวมทั้งมีการยิงปืนใหญ่ใส่บริเวณต่างๆของลาวอีกด้วย
สำหรับในกรณี นี้นั้นจากการวิเคราะหของหลายฝ่ายกล่าวว่า เนื่องจากเนิน 1428 เป็นที่ตั้งที่ดี การเข้าตีต้องเข้าตีจากด้านหน้า
ทางลาวตั้งฐานปืนใหญ่ ด้านหลัง ซึ่งเป็นแนวเขาซับซ้อน ยากต่อการค้นหา และยิงตอบกลับ ในช่วงนั้นมีข่าวว่า
กองทัพไทยประกาศว่าหากจะทำการบุกข้ามแม่น้ำโขงเข้า ไปก็ต้องทำหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย ซึ่งมีผู้ใหญ่หลายฝ่ายออกมามาปราม
ใน เรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้สถานการณ์รุนแรงจนกลายเป็นสงครามเต็มขั้นระหว่างไทยกับลาว
และ จากการรบในช่วงแรกที่ทางไทยเข้าตีตามกรอบคือเข้าทางด้านหน้าได้รับการต้าน ทานอย่างหนัก และยากต่อการเคลื่อนกำลัง
จึงมีการใช้เครื่องบินรบ เอฟ 5 เข้าไปทิ้งระเบิดบนเนิน 1428 และที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ในเขตลาว จนเสียหายยับเยิน เช่น
สนามบินบ้านน้ำทาของลาว จากภาพถ่ายทางอากาศเนิน 1428ราบเป็นหน้ากลองไม่มีต้นไม่เหลืออยู่เลย เพราะถูกระดมยิงจากปืนใหญ่
และ การทิ้งระเบิดจากเอฟ 5 แต่ทางลาวมีที่ตั้งแข็งแรง และเตรียมการตั้งรับอย่างดี บางรายงานกล่าวว่าเมื่อไม่สามารถเข้าไปตรง ๆ ได้
กองทัพไทย ได้ส่งหน่วยสงครามพิเศษ แทรกซึมเข้าไปในพื้นที่ของลาว เพื่อทำการโจมตีระบบส่งกำลังบำรุง และค้นหาที่ตั้งปืนใหญ่
ทำให้การ ปฏิบัติการของลาวถูกกดดันมากยิ่งขึ้น ( ซึ่งทางการไทยได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบในการรบใหม่เนื่องจากมีการสูญเสีย กำลังพล
และไม่สามารถรุกคืบหน้าได้ )
21 มกราคม 2531 มีการปรับยุทธวิธีการสู้รบครั้งใหญ่ต่อยุทธการภูสอยดาว เพราะไทยเริ่มมีการสูญเสียมากขึ้น และเพื่อลดความสูญเสียดังกล่าว จึงมีการปรับปรุงยุทธการรบให้เหมาะสมยิ่งขึ้นต่อยุทธภูมิที่เป็นอยู่ ( ทางไทยเริ่มมีการใช้การรบนอกแบบ และได้ผล สร้างความกดดันต่อการปฏิบัติการของฝ่ายลาวเป็นอย่างมาก)
11 กุมภาพันธ์2531 นายไกรสอน พรมวิหาร นายกรัฐมนตรีลาวได้ส่งสาสน์ถึงพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีของไทย เสนอให้ทหารทั้งสองฝ่ายพบแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้โดยเร็ว ลาวพร้อมที่จะส่งคณะผู้แทนทหารมากรุงเทพมหานคร และยินดีที่จะต้อนรับคณะผู้แทนทหารของประเทศไทย ที่จะเดินทางไปนครเวียงจันทน์เพื่อปรึกษาหารือ
12 ก.พ. 2531 ชุดรบผสมที่ 1 ลาดตระเวนเฝ้าตรวจเส้นทาง ระหว่าง บ้าน นาหินใต้ ไปยังบ้านนาดง หลังจากนั้น ลาดตระเวนต่อไปพบ รถบรรทุกทหารลาว ประมาณ 100 นาย พร้อม รถคุ้มกัน 1 คัน ชุดปฏิบัติการ ที่ 2 วางระเบิดดักรถถังที่ เส้นทาง บ.กุ่มบ้าน , หนองหลวง , บ้านน้ำพุ ซึ่งคาดว่าเป็นเส้นทางการส่งกำลังบำรุง
13 ก.พ.2531 ระเบิดดักรถถังที่วางไว้ได้ผล รถส่งกำลังฝ่ายลาว เสียงระเบิดดังขึ้น เวลา 14.00 น.
15.ก.พ. 2531 ชุดรบผสมที่ 2ตรวจพบฐานปฏิบัติการของทหารลาว จึงได้ร้องของปืนใหญ่เพื่อทำลาย
14. ก.พ. 2531 ชุดรบผสมที่ 3 เฝ้าตรวจบริเวณ เนิน 1662 พื้นที่เป็นป่ารกทึบยากแก่การปฏิบัติการ ทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติการมากขึ้น
ชุด รบผสมที่ 4 ได้ตรวจพบ คลังเก็บสิ่งอุปกรณ์ ฝ่ายตรงข้าม มีอาคาร 3 หลัง โดยมีการระวังป้องกันที่ตัวอาคารเป็นอย่างดี
15 ก.พ. 2531 เสียงปืนใหญ่ดังขึ้นใกล้ เนิน ที่ชุดรบผสม เฝ้าตรวจอยู่ ชุด รบผสมที่ 3 ได้ตรวจพบ ที่ตั้งปืนใหญ่ 2 จุด , จึงได้รายงานและร้องขอการยิงเพื่อทำลาย ชุด รบผสมที่ 4 ปฏิบัติการ ซุ่มโจมตี 2 จุด ตามเส้นที่ เข้า ออกจากคลัง
16 ก.พ. 2531 ชุดรบผสมที่ 1 ได้ปะทะ กับ กองหลอนประจำหมู่บ้าน 11 นาย สบทบด้วยทหารเวียดนาม 2 นาย และทหารลาว 8 นาย ผลจาการปะทะ ฝ่ายตรงข้าม เสียชีวิต2นาย จับ กองหลอน ได้ 2 นาย ฝ่ายเรา เสียชีวิต 2 นาย โดยที่หลังจากนั้น ชป. 2ต้องเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ โดยที่ ได้ร้องขอ การยิงสนับสนุน ของปืนใหญ่ให้ลงยัง ฐานลอย ที่ ตั้งไว้ หลังจากออกจากฐาน
30 นาที ซึงคาดเวลาเป็นเวลาที่ กำลังส่วนใหญ่ของ ลาวคงตามมาถึงพอดี ชุดรบผสมที่2 แทรกซึมกลับ ชุดรบผสมที่ 4 ตรวจพบอาคารอีก 3 หลัง ซึง คาดว่าเป็นที่พักของทหารที่มาสับเปลี่ยนกำลังหรือพักผ่อน จึงได้รายงานให้หน่วยเหนือทราบ
17 ก.พ. 2531 ชป.1 ถอนตัวกลับ
ชุดรบ ผสมที่ 4 วางระเบิดสังหารตามเส้นทาง เข้า จากบ้าน ดงตาล ไปยัง คลังเก็บสิ่งอุปกรณ์ โดยที่ระหว่างการวางระเบิดสังหาร ได้มีข้าศึกจำนวนหนึ่ง เคลื่อนที่มายังที่ที่ชุดกำลังวางระเบิด เนื่องจากชุดได้มีการวาง เคลย์โมในการระวังป้องกันอยู่แล้ว จึงได้ กดจุดระเบิดเคลย์โมทันที ทำให้ข้าศึกเสียชีวิตทันที และทำให้ต้องถอนตัวไปยังเนิน และร้องขอ ปืนใหญ่เพื่อทำการยิง ทำลายเป้าหมายดังกล่าว กระสุนที่ใช้ในงานนั้นประมาณ 50 นัด และมีคำสั่งให้จบภารกิจทันทีหลังจากทำลายที่หมายดังกล่าวเรียบร้อย
ใน การปฏิบัติการของแต่ละชุดรบผสม ซึ่งในแต่ละชุดรบผสม ก็ได้แยก ออกเป็นชุดย่อย ไปอีกไปปฏิบัติการลาดตระเวนค้นหาพิสูจน์ทราบ วางระเบิด ซุ่มโจมตี มีบางชุดที่ อาจจะไปพบอะไรมาก บางชุด ก็แทบเอาชีวิตไม่รอด บางชุด ก็ประสบความสำเร็จ บางชุดก็มีการสูญเสีย คงไม่สามารถที่จะนำมาเล่ารายละเอียดได้ทั้งหมด แต่จากการปฏิบัติการในร่มเกล้า นอกจากหน่วยรบพิเศษจะมีความภาคภูมิใจอยู่เงียบ แล้ว ได้ให้ข้อคิด บทเรียนหลายอย่าง และนำมาซึ่งการสร้างหน่วยกำลังรบเดินดินที่มีความพร้อมรบสูงสุดใประเทศไทย
จุด ที่น่าสังเกตของเหตุการณ์ครั้งนี้
หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ากรณี พิพาทระหว่างไทยกับลาวครั้งนี้เป็นแรงผลักดันที่ลาวได้รับจากเวียดนามและ โซเวียต ซึ่งพยายามขัดขวางการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาวมาตั้งแต่ปี 2530 และเป็นหนึ่งในแผนตัดขาดและยึดภาคอีสานของไทยตามยุทธการตัว L (L Operation) และรวมภาคอีสานของไทย ลาว เขมร เวียดนาม เป็นสหพันธ์อินโดจีน โดยมีเวียดนามเป็นผู้นำ
ลักษณะภูมิประเทศรูปตัวแอลใหญ่คือพื้นที่ป่า ภูเขาบริเวณรอยต่อจังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดเลย ทอดตัวยาวลงมาทางใต้ตามแนวเทือกเขาเพชรบูรณ์ มาบรรจบกันบริเวณเขาใหญ่ บริเวณรอยต่อ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดนครนายก และจังหวัดสระบุรี ซึ่งทอดตัวยาวมาจากทิศตะวันตก ตั้งแต่จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดบุรีรัมย์ ตามแนวเทือกเขาพนมดงรัก เขาบรรทัด เขากำแพง และบรรจบกันที่ เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
ในช่วงดังกล่าวบางรายงานแจ้งว่ามีทหารเวียดนามในลาวประมาณ 60.000 คน และในเขมรประมาณ15.000 คน ซึ่งอาจจะต้องการเปิดศึก 2 ด้าน ให้ไทยพะว้าพะวงทั้งการรุกที่บ้านร่มเกล้าตีเจาะมาทางเหนือ และตีรุกเข้ามาที่ช่องบกทางใต้ เพื่อตัดและยึดภาคอีสาน เลยหากรณีมาอ้าง เพื่อทำการรบ
จากการปะทะกันระหว่างทหารไทยและลาวนั้น มีรายงานจากบางหน่วยแจ้งว่าฝ่ายลาวมีทหารต่างชาติบัญชาการรบ อาจเป็นคนรัสเซีย และถูกทหารไทยยิงตายไปหลายคน (กองทัพไทยไม่ได้ให้ข้อมูลกับเรื่องนี้มากนัก) จากการปะทะหลายครั้งบางหน่วยรายงานว่า ทหารที่เข้าใจว่าเป็นทหารลาว บางคนพูดร้องสั่งการเป็นภาษาเวียดนาม คาดว่าเป็นกองกำลังผสมระหว่างเวียดนามและลาวที่รบกับไทย ในการรบที่บ้านร่มเกล้านี้จึงไม่ใช่กรณีพิพาทระหว่างไทยกับลาวธรรมดา
2.1.6 ระบบอาวุธและการติดต่อสื่อสารในการรบที่ทางฝ่ายลาวใช้นั้น ทันสมัยมาก สามารถรู้พิกัดที่ตั้งปืนใหญ่ของไทย และยิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมีการรบกวนระบบการสื่อสารของทหารไทย ซึ่งกองทัพประชาชนลาวคงไม่มีระบบที่ทันสมัยอย่างนี้
ในกรณีการทิ้ง ระเบิดใส่ฝ่ายเดียวกันเองนี้ เป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันมาก มีรายงานหลายกระแส เช่น
1. เกิดจากความผิดพลาดในการประสานงานระหว่างกองกำลังภาคพื้น และเครื่องบินที่จะเข้าทิ้งระเบิด เช่น ทางภาคพื้นมีการแจ้งยกเลิกการโจมตี แต่กองทัพอากาศไม่ได้รับแจ้ง เมื่อมีการแจ้งยืนยันการทิ้งระเบิดที่เป้าหมาย มีการแจ้งกลับว่าให้ทำการโจมตีได้
2. เกิดการรบติดพันรุนแรง และประชิด ไม่สามารถระบุเป้าหมายที่แน่นอนได้ (ในสงครามเวียดนามหรือกรณีอิรักครั้งล่าสุดยอดทหารสหรัฐที่เสียชีวิตจากการ ยิงหรือทิ้งระเบิดฝ่ายเดียวกันมีจำนวนมาก)
3. ทหารไทยยึดฐานทหารลาวได้ก่อนกำหนดการณ์ และมีการเคลื่อนกำลังปะทะติดพัน ไม่สามารถแยกแนวรบที่ชัดเจนได้ ตอนที่นักบินทิ้งระเบิดลงไปโจมตี
4. ทางลาวทำการรบกวนระบบการสื่อสารของไทย มีการดักฟัง ทำการถอดรหัส และรวมทั้งมีการเลียนเสียงการสั่งการ ซึ่งได้รับอุปกรณ์ที่ทันสมัยจากรัสเซีย
5. เกิดการขัดแย้งกันในกองทัพ และสายทางการเมือง ที่ต้องการแย่งอำนาจการเมืองจากทางทหาร เลยทำการสร้างความแตกแยกในกองทัพ และมีการให้ข้อมูลแก่ฝ่ายตรงข้ามเกี่ยวกับแผนการรบ เนื่องจากในช่วงนั้น ส.ส. หลายคน อดีตเคยเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยมาก่อนและมีความสัมพันธ์กับ ทหารบางกลุ่ม บางคนเคยเป็นสมาชิกของเขมรแดง หลังจากนโยบาย 66/23 จึงเข้ามาต่อสู้ทางการเมือง อีกทั้งฝ่ายทหารยังแตกแยกเรื่องการบังคับบัญชา
6. การวางแผนการรบที่ผิดพลาด ขาดความยืดหยุ่นในการรบและการตั้งรับ และเรื่องยุทโธปกรณ์ที่ไม่พร้อม รวมทั้งการประเมินกำลังและขีดความสามารถของฝ่ายตรงข้ามต่ำไป
บทเรียนและ การเปลี่ยนแปลงที่ได้จากสงครามครั้งนี้
1. หลังจากที่พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี มีการประกาศนโยบาย เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า มีการไปเยี่ยมเยียนกันของผู้นำทางทหารของไทย ที่ลาว และเวียดนาม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ รวมทั้งลดความตึงเครียดทางการทหารระหว่างกัน ปัจจุบันไทยกับลาวมีการร่วมมือกันมากขึ้นในด้านต่าง ๆ และลาวยึดไทยเป็นแบบอย่างในการพัฒนาเศรษฐกิจ แทนการเดินตามเวียดนาม แต่ลาวก็ดำเนินนโยบายกับไทยอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวไทยครอบงำและเข้าแทรกแซงทางสังคม และวัฒนธรรม เนื่องจากขนบธรรมเนียมและประเพณีที่ใกล้เคียงกัน
2. กองทัพบกได้ทำการปรับปรุงกำลังรบให้มีความคล่องตัวในการเคลื่อนที่เข้าหา พื้นที่ที่เกิดปัญหา ปรับลดกำลังคนลงตามภัยคุกคามที่เปลี่ยนไป และเพิ่มระบบอาวุธให้มีความทันสมัยและคล่องตัวมากขึ้น ตามนโยบาย "จิ๋วแต่แจ๋ว" รวมทั้งมีการจัดตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็ว
3. แนวทางในการป้องกันประเทศเปลี่ยนไป มีการดำเนินการของฝ่ายทหารและการเมืองเป็นระบบมากขึ้น ประสานการทำงานกัน โดยฝ่ายทหารทำการรบและสร้างความได้เปรียบและอำนาจการต่อรอง ส่วนฝ่ายการเมืองคือกระทรวงการต่างประเทศจะทำการเจรจา เมื่อมีกรณีปัญหาตามแนวชายแดนกองทัพจะส่งทหารเข้าไปในพื้นที่อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นหน่วยที่มีความคล่องแคล่ว และมีอำนาจในการยิงสูง
ตรวจหาและตอบโต้กลับทันที เข้าตีและยึดพื้นที่ชิงความได้เปรียบในยุทธศาสตร์ก่อน อย่างในกรณีกระเหรี่ยงก็อดอาร์มีที่โดนทางการไทยโจมตีและกดดันจนต้อง สลายกลุ่มและยอมมอบตัว หรือการปะทะกันระหว่างทหารไทยและทหารพม่าผสมว้า กรณีบ้านปางหนุน อ. แม่ฟ้าหลวง และพื้นที่ปัญหากู่เต็งนาโยง อ.แม่สาย จังหวัดเชียงราย ที่มีการประสานงานระหว่างกองทัพบกและกองทัพอากาศเป็นอย่างดี จากเหตุการณ์นี้มีการใช้เครื่องบินรบแบบ เอฟ 16 เข้าปฏิบัติการด้วย ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน
4. การจัดหาอาวุธและระบบป้องกันประเทศ เช่น
4.1 RTAD เฟส 1 เฟส 2
4.2 ระบบตรวจจับการยิงปืนใหญ่ ระบบปืนใหญ่แบบอัตตาจร
4.3 การพัฒนาและผลิตอาวุธขึ้นมาใช้เอง การพัฒนาระบบสื่อสารระหว่างหน่วยใหม่ที่เป็นความลับมากขึ้น
4.4 การจัดตั้งคลังอาวุธร่วมไทย-สหรัฐ ที่สามารถนำอาวุธมาใช้ได้กรณีฉุกเฉิน
4.5 การจัดหาเครื่องบินรบเอฟ 16 รถถังหลัก รถสายพานลำเลียงพลจากสหรัฐและจีน เข้าประจำการจำนวนมาก การจัดหาระบบต่อสู้อากาศยานและต่อสู้รถถังที่ทันสมัยเข้าประจำการ
4.6 การจัดตั้งหน่วยนาวิกโยธิน
4.7 การฝึกร่วมกับกองทัพสหรัฐและต่างประเทศ เพื่อเรียนรู้ระบบการรบและพัฒนากองทัพอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการรบและการรักษาสันติภาพ
4.8 การซ้อมรบของหน่วยกำลังรบผสมของกองทัพไทย เพื่อสร้างความคุ้นเคยและเพิ่มประสิทธิภาพในการรบ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับสถานการณ์รุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น (ครั้งล่าสุดมีการเคลื่อนย้ายกำลังพลหลายหมื่นคนและยุทโธปกรณ์จำนวนมากไปฝึก ในพื้นที่จริง จนประเทศเพื่อนบ้านขนลุกต้องปิดชายแดนไปก็มี)
ทั้งหมดนี้เป็นความปวดร้าว ของมนุษย์ ที่ไม่หลาบจำ มันจะย้อนกลับมาในเวลาที่สมควร เป็นครั้งๆคราวๆ ตามโอกาสต่างๆ
หากประเทศเราไม่รักกัน อีกไม่นาน เราอาจเป็นรัฐไทยใหญ่ของพม่า หรือ กัมพูชา และอืนๆ ที่จ้องมอง แผ่นดินทองด้วยความอิจฉาว่าทำไมประเทศเขาไม่มีอย่างนี้มั้งอยู่ก็ได้
สิ่งที่ได้จากสงครามนั้นน้อยกว่า...น้อยกว่ามากๆ เมื่อเทียบกับสิ่งที่เสียไป
กรุณา อย่าเอาไปรวม กับเรื่องการเมืองนะครับให้มองว่าเป็นประวัติศาสตร์ ความผิดพลาด ที่ไม่ต้องการให้มันเกิดอีกละกันครับ..!!


แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top