0

ทูตสหรัฐฯไม่โต้เรื่องถูกตำหนิกรณีเสนอความเห็นเรื่องกฎหมายหมิ่น ยืนยันสหรัฐฯไม่ต้องการครอบงำ แต่อยากเห็นไทยกลับสู่ประชาธิปไตย
ทูตสหรัฐฯไม่ต่อความ เมื่อถูกถามว่าคิดอย่างไรกับคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ว่า การแสดงความเห็นเช่นนี้อาจกระทบความสัมพันธ์ด้านการค้าของสองฝ่าย โดยบอกสั้นๆเพียงว่า เรื่องของการค้ากับการเมืองไม่เกี่ยวกัน
นายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนวันนี้ โดยเป็นการแถลงข่าวที่พูดถึงเรื่องข้อดีของการทำข้อตกลงการค้าเสรีภายใต้ข้อตกลงทีพีพี และท่าทีของสหรัฐฯที่สนับสนุนเอเปค โดยบอกว่าการรวมกลุ่มอยู่ในข้อตกลงการค้าเสรีเป็นสิ่งที่จะมีส่วนช่วยเสริมให้เศรษฐกิจขยายตัว ซึ่งสหรัฐฯอยากเห็นทุกประเทศรวมทั้งไทยมีส่วนร่วม แม้ว่าในแง่การตัดสินใจจะเข้าร่วมหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ไทยจะต้องดำเนินการด้วยตัวเอง แต่สหรัฐฯก็พร้อมจะให้ข้อมูล หลายเรื่องที่มีการถกกันนั้นยังเป็นประเด็นเปิดที่ต้องศึกษา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลกระทบจากกรณีสิทธิบัตรยา หรือเรื่องของพืชตัดต่อพันธุกรรม
ในช่วงระหว่างตอบคำถามของผู้สื่อข่าว นายเดวีส์บอกว่า สื่อเชื่อมโยงเรื่องของการเมืองเข้ากับเรื่องของเศรษฐกิจ เพราะคำถามมีนัยว่า สหรัฐฯพยายามจะครอบงำประเทศอื่นผ่านการทำข้อตกลงการค้าเสรี ซึ่งอันที่จริงแล้วเขาเห็นว่า การทำข้อตกลงการค้าเสรีมีข้อดีโดยตัวของมันเอง ไม่จำเป็นต้องโยงเข้ากับเรื่องของการเมือง สหรัฐฯไม่มีเป้าหมายใช้เรื่องเศรษฐกิจมาแผ่อิทธิพลทางการเมือง เหมือนดังเช่นที่มีคนเขียนการ์ตูนลงในนสพ.ภาษาอังกฤษฉบับหนึ่งที่วาดภาพสหรัฐฯเป็นเช่นนั้น
เมื่อมีผู้สื่อข่าวถามเรื่องการรวมตัวในเอเปค สหรัฐฯมีความคาดหวังจากไทยอย่างไร ในเมื่อเวลานี้ไทยไม่เป็นประชาธิปไตยและก็เริ่มหันไปหาจีนมากขึ้น ทูตสหรัฐฯตอบว่า สหรัฐฯไม่เป็นห่วงเรื่องมิตรภาพที่ใกล้ชิดมากขึ้นระหว่างไทยกับจีน และอันที่จริงอยากเห็นไทยเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับจีนมากกว่า สิ่งที่สหรัฐฯอยากเห็นในกรณีของไทยก็คือการกลับคืนสู่ประชาธิปไตยเพื่อที่สองประเทศจะได้กลับไปแน่นแฟ้นกันเหมือนเดิม และไทยกลับไปมีบทบาทในวงการระหว่างประเทศทั้งอาเซียนและอื่นๆเช่นเดิม พร้อมระบุว่า ในครั้งหนึ่งไทยเคยมีบทบาทสำคัญในการผลักดันอาเซียนมาจนถึงวันนี้ได้ อย่างไรก็ตามสหรัฐฯกับไทยมีความสัมพันธ์กันมายาวนานมาก ดังนั้นจึงเป็นความสัมพันธ์ที่มั่นคง
นักข่าวถามทูตสหรัฐฯเรื่องการแสดงความเห็นก่อนหน้านี้ของนายเดวีส์ เรื่องการลงโทษผู้กระทำผิดตามมาตรา 112 ที่ว่าหนักเกินและที่เคยย้ำเรื่องเสรีภาพในการแสดงออก ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีพล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าอาจจะกระทบความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศ ซึ่งนายเดวีส์บอกว่า เรื่องของการค้าและการเมืองคนละเรื่องกัน สหรัฐฯเชื่อมั่นในเรื่องเสรีภาพในการแสดงออก แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้นำไทย
ก่อนหน้าที่จะจัดแถลงข่าวหนนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายเดวีส์ได้ไปพบปะกับสื่อมวลชนต่างประเทศในไทยที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ตอบคำถามเรื่องความสัมพันธ์ไทย - สหรัฐฯซึ่งเขาบอกว่า อยากเห็นไทยกลับสู่ประชาธิปไตย แต่ในจังหวะก้าวของไทยเอง ช่วงหนึ่งเขาชี้ว่า สหรัฐฯเชื่อมั่นในเสรีภาพในการแสดงออก และว่าการลงโทษคนในข้อหาหมิ่นตามมาตรา 112 นั้นหนักไป คำพูดดังกล่าวทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้าน โดยในเวลาต่อมา พระพุทธอิสระได้นำมวลชนไปประท้วงที่หน้าสถานทูตสหรัฐฯ และขับไล่ทูต
อีกด้านวันนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมออกมาเตือนว่า ทูตสหรัฐฯควรคิดก่อนวิจารณ์ และว่าคสช.และรัฐบาลพยายามดำเนินการโดยยึดหลักสิทธิมนุษยชน ไม่มีรัฐบาลไหนที่ปล่อยเสรีมากเท่านี้ในเรื่องของคดี 112 และรัฐบาลกำลังพยายามเพื่อวางรากฐานให้เกิดประชาธิปไตยถาวร
ผู้สื่อข่าวถามนายเดวีส์ด้วยว่า เขาจะเข้าร่วมงานปั่นเพื่อพ่อด้วยหรือไม่ ซึ่งทูตสหรัฐฯตอบว่า ในฐานะที่เป็นคนสหรัฐฯซึ่งใกล้ชิดมีความเคารพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมานาน เขาคิดว่าจะเข้าร่วมงานปั่นเพื่อพ่อด้วย


แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 
Top