อวกาศเป็นของใคร? จอห์น ล็อค vs. รูสโซ
%%%%%%%%%%%

เรื่องความเป็นเจ้าของหรือกรรมสิทธิ์ (property) เป็นประเด็นถกเถียงกันมานานและเยอะมากในประวัติความคิดตะวันตก เริ่มจากความเชื่อว่าโลกเป็นของมนุษย์โดยรวมร่วมกันเพราะพระเจ้าประทานให้มาดูแล (trusteeship ตามหลักคริสตศาสนา) แต่มนุษย์มีสิทธิ์จับจองบางส่วนเป็นของตนได้ บนเงื่อนไข ๑) เอาแรงงานของตน (ซึ่งเป็นสมบัติของตนเองอันมิอาจพรากไปจากตนได้ inalienable property ดังที่ว่าคนเป็นเจ้าของชีวิตร่างกายของตนเองที่พระเจ้าประทานให้อีกนั่นแหละ) ไปผสมกับธรรมชาติก่อเกิดเป็นทรัพย์สินส่วนตน labour+nature=property ในความหมายทรัพย์สินอันพรากไปจากตนได้คือไม่ติดอยู่กับร่างกายตัว alienable property ๒) มีสิ่งที่เหลือในธรรมชาติอย่างอุดมสมบูรณ์และพอเพียงสำหรับคนอื่น ๓) ไม่มีอะไรทิ้งเสียเน่าเปื่อยไปเปล่า ๆ ปลี้ ๆ (ทฤษฎีข้างต้นเสนอโดย John Locke)
อย่างไรก็ตาม พอมี "เจ้าก้อนวัตถุสีเหลืองชิ้นเล็ก ๆ" (เงินทอง) แล้วก็ทำให้หลักทรัพย์สินเอกชนแบบค่อนข้างพอเพียงข้างต้นถูกข้ามพ้นไป เพราะเงินทองนั้นไม่เน่าเปื่อย เก็บสะสมได้ จึงขยายขอบเขตการมีทรัพย์สินออกไปอย่างไม่จำกัด ยิ่งกว่านั้น ก็ยังอ้างอีกว่าการมีเงินทองได้รับความเห็นชอบจากคนทั่วไป ยอมรับเอาไปใช้จ่าย และยังทำให้ผลผลิตงอกงามเพิ่มพูนเจริญขึ้นโดยเปรียบเทียบ ดังที่ชีวิตคนในอังกฤษที่จนทีสุดยังดีกว่าชีวิตอินเดียนแดงล้าหลังในอเมริกา (สมัยจอห์น ล็อค)
คำโต้แย้งมาจากนักคิดยุคถัดมาอย่างรุสโซ ที่วิพากษ์ว่าเรื่องกรรมสิทธิ์เอกชนและเงินทองเป็นสัญญาหลอก ๆ ทั้งเพ ที่คนมีทรัพย์ปั้นแต่งขึ้นหลอกคนยากไร้ให้ยอมรับความชอบธรรมในทรัพย์สินของตน ดังนั้นไม่ควรไปยอมรับมัน แต่ควรทำสัญญาประชาคมใหม่ โดยทุกคนโอนอำนาจและทรัพย์สินของตนทั้งหมดโดยเบ็ดเสร็จให้กับ "ตัวเอง" (ในความหมายอำนาจรัฐใหม่ที่เกิดขึ้นจากทุกคนรวมตัวกันเป็นสังคม) แล้วอำนาจรัฐใหม่นั้นค่อยโอนกลับมาให้แต่ละคนดูแลอีกต่อหนึ่ง ทว่าต้องอยู่ภายใต้การกำกับของอำนาจรัฐใหม่นั้น ซึ่งจะรับประกันความมั่นคงของทรัพย์สิน ไม่ให้ใครมาแย่งชิงปล้นขโมย แต่ขณะเดียวกันก็กำกับควบคุมไม่ให้ใช้ไปในทางที่ผิดหรือรวยเกินเหตุ
ก็ลองเอาไปประยุกต์ดูได้กับเรื่องอวกาศแหละครับ ไอเดียหัวใจคือจะอธิบายแบบล็อค (ใครเอาแรงงานตนไปผสมได้กับอวกาศส่วนไหน ก็เป็นสมบัติของคนนั้น) หรือแบบรูสโซ (ต้องทำสัญญาประชาคม ให้มีอำนาจรวมหมู่สาธารณะซ้อนทับเหนือกรรมสิทธิ์เอกชนอีกต่อ)ก็ว่ากัน


 
Top