แม้จะถูกเรียกตัวไปปรับทัศนะคติถึง 6 ครั้งแล้ว แต่คุณพิชัย นริพทะพันธุ์ ก็ยังสามารถ ยกประเด็นทางด้านเศรษฐกิจ เสนอสังคมได้อย่างแหลมคมว่า การจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มจะตกต่ำอย่างรุนแรงของไทยให้ได้นั้น "ประเทศไทยจำต้องกลับเข้าสู่แนวทางประชาธิปไตย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"
ไม่มีหนทางอื่นให้เดิน นอกจากคืนอำนาจให้ประชาชน แล้วกลับเข้าสู่เส้นทางประชาธิปไตย
หากไม่กลับเข้าสู่เส้นทางประชาธิปไตย ย่อมไม่อาจสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้าที่สำคัญของประเทศไทย คือประเทศตะวันตก ทั้งหลาย การส่งออกของไทยที่ตกต่ำอย่างรุนแรง ก็ไม่อาจฟื้นตัวได้ และภาคส่งออกของไทยที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของ จีดีพี หากส่งออกไม่ฟื้นเศรษฐกิจไทยก็ไปไม่รอด เดินหน้าไม่ได้ ไปต่อได้ยาก
จะพึ่งเศรษฐกิจภายในโดยการกระตุ้นการบริโภค อัดงบลงไป ก็ไม่มีมรรคผลอะไรมากนัก เพราะคนหมดกำลังซื้อแล้ว แหล่งรายได้หลักไม่มี อัดเงินลงไปก็ไม่ทำให้ระบบหมุนต่อได้
นี่คือสัญญาณทางเศรษฐกิจ ที่คุณพิชัย นริพทะพันธ์ พยายามส่งออกไปให้สังคมโดยรวมได้รับทราบ เพราะมันคือ "ข่าวสารที่สำคัญยิ่งต่อสังคม" ไม่อย่างนั้นเราก็จะพังกันทั้งประเทศ แก้ไขปัญหาไม่ได้ นี่เป็นเรื่องใหญ่อย่างยิ่งทางเศรษฐกิจ
ก็คุ้มที่คุณพิชัย ต้องแลกกับความเสี่ยงถูกเรียกตัวครั้งแล้วครั้งเล่า ถือเป็นความกล้าหาญของคนฝ่ายพรรคเพื่อไทย ที่เงียบเป็นเป่าสากกันมากมาย อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีคนพูดให้สังคมทราบ
ต้องโยงเรื่องเศรษฐกิจกับการสร้างประชาธิปไตยให้ได้ ว่ามันเป็นเรื่องเดียวกัน และเป็นเรื่องเดียวกับปากท้อง ความอดอยากของประชาชน ที่กำลังกระจายไปทั่ว จากสัญญาญเศรษฐกิจที่แดงโร่
ก็ต้องขอบคุณ คุณพิชัยครับ ที่ยอมเสี่ยง บอกให้ประชาชนทราบ
ตัวเล็กๆ อย่างพวกผม บอกไปเสียงมันก็ไม่ดังพอ

 
Top